การพัฒนาและเพิ่มประสิทธิภาพของรัฐวิสาหกิจ นายบรรยง พงษ์พานิช ประธานเจ้าหน้าที่บริหารธนาคารเกียรตินาคิน จำกัด(มหาชน) และหนึ่งในคณะกรรมการนโยบายและกำกับดูแลรัฐวิสาหกิจหรือคนร. กล่าวภายในงานเสวนาวิชาการเรื่อง"ปฎิรูปรัฐวิสาหกิจ ปฎิรูปเศรษฐกิจไทย" ว่า คนร.ได้ตั้งคณะอนุกรรมการขึ้นมาสามชุดเพื่อทำหน้าที่ปรับเปลี่ยนการทำงานและดูแลกำกับรัฐวิสาหกิจทั้งหมดของไทยที่มีทั้งสิ้น 56 แห่งที่ล้วนแต่มีองค์กรขนาดใหญ่และพบว่าบางแห่งประสบภาวะขาดทุน อย่างไรก็ดีชี้ว่ารัฐวิสาหกิจมีความสำคัญกับระบบเศรษฐกิจไทยเห็นได้ชัดจาก10ปีหลังรัฐวิสาหกิจมีรายได้เติบโตจาก 1.5ล้านล้านบาทเป็น5.1ล้านล้านบาทต่อปีเมื่อปี 2556และขยายตัวกว่าสามเท่าสวนกระแสเศรษฐกิจโลกที่เข้าสู่ภาวะชะลอตัว ซึ่งแสดงให้เห็นว่ารัฐวิสาหกิจมีบทบาทมากขึ้นในระบบเศรษฐกิจของไทยและกิจการทางเศรษฐกิจของประเทศอยู่ในอำนาจรัฐมากขึ้น
นอกจากนี้ยังพบว่าจากงบลงทุนของรัฐ7แสนล้านบาทกว่าร้อยละ 50 พบว่ามาจากการลงทุนของรัฐวิสาหกิจ และอนาคตมองว่าการลงทุนของรัฐวิสาหกิจต่อปีจะสูงขึ้นถึงปีละ 5-6แสนล้านบาท อย่างไรก็ดีชี้ว่ารัฐวิสาหกิจแต่ละแห่งกลับมีรายได้ประมาณ 3 แสนล้านบาทต่อปีทั้งที่มีงบดำเนินการประมาณ 12 ล้านล้านบาทซึ่งน้อยกว่าที่ควรจะเป็น รวมทั้งรัฐวิสาหกิจส่วนใหญ่ที่พบว่ามีกำไรมักมีลักษณะการดำเนินงานที่ผูกขาดสินค้า เช่น การไฟฟ้า การประปา ท่าอากาศยาน แต่บางครั้งแม้จะมีกำไรมากแต่การบริการหรือสินค้ากลับไม่มีประสิทธิภาพ นอกจากนี้รัฐวิสาหกิจบางแห่งเช่น องค์การโทรศัพท์แห่งประเทศไทยหรือทีโอที ที่มีบุคลากรมากกว่าบริษัทแอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิสหรือเอไอเอสหลายเท่าตัวแต่พบว่ารายได้กลับน้อยกว่าเฉลี่ย 5 เท่าและต้องจ่ายค่าตอบแทนให้พนักงานมากกว่าเอไอเอสถึงปีละ 3แสนบาทต่อคน รวมทั้งการพัฒนารถไฟของไทยที่ยังไม่พัฒนามากว่าหลายสิบปี และรัฐวิสาหกิจบางแห่งก็ถูกนโยบายทางการเมืองเข้าครอบงำทั้งโดยชอบและมิชอบเช่นผลจากนโยบายรถเมล์ฟรี ทำให้รัฐวิสาหกิจอ่อนแอ ปัญหาต่างๆจึงเป็นคำถามว่าการลงทุนหรือการดำเนินงานในอดีตของรัฐวิสาหกิจทั้ง 56แห่งคุ้มค่าและโปร่งใสหรือไม่ รวมทั้งควรมีการปฎิรูปรัฐวิสาหกิจอย่างไรในอนาคตด้วย
ผู้สื่อข่าว:ธีรวัฒน์ สิทธิเกรียงไกร