รัฐบาล เร่งแก้ปัญหาการทำประมงผิดกฎหมาย ขาดการรายงาน และขาดการควบคุม (ไอยูยู) ตามหลักเกณฑ์ของสหภาพภาพยุโรป(อียู) ก่อนที่อียูจะเดินทางมาประเมินผลอีกครั้ง ส่วนการติดตามความคืบหน้าการดำเนินงานของศูนย์ควบคุมการแจ้งเข้า-ออกเรือประมง หรือ พีไอพีโอ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของมาตราในการแก้ปัญหาการทำประมงผิดกฎหมาย หรือ ไอยูยู ของไทย พล.ต.อ.เอก อังสนานนท์ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ลงพื้นที่ติดตามการดำเนินงานของศูนย์ควบคุมการแจ้งเข้า-ออกเรือประมง และมาตรวจสอบเรือประมง ที่ท่าเทียบเรือองค์การสะพานปลา ภายในพื้นที่ตำบลมหาชัย อำเภอเมืองสมุทรสาคร จังหวัดสมุทรสาคร เพื่อติดตามการดำเนินงานแก้ไขการทำประมงของไทยให้ถูกกฎหมาย ก่อนที่อียู จะมาตรวจสอบไทยเกี่ยวกับการแก้ไขประมงนี้ในเดือนตุลาคม ซึ่งมีผลต่อการที่อียูจะปลคล็อคใบเหลืองไทย
ขณะที่ การมาลงพื้นที่ในเบื้องต้น จากการสอบถามชาวประมงในพื้นที่ เปิดเผยว่า ขณะนี้เรือประมงที่ทำถูกต้องตามกฎหมายก็ออกเรือตามปกติ หรือประมาณร้อยละ70 ส่วนเรือที่หยุดวิ่งตอนนี้จะเป็นเรือที่ไม่ถูกต้องตามกฎหมาย คือ เรือที่ประเภทของเรือไม่ตรงกับที่ได้ขึ้นทะเบียนไว้ ส่วนนี้ก็จอดอยู่หรือคิดเป็นร้อยละ30 ซึ่งเรือที่ออกไปจับปลาตอนนี้ส่วนใหญ่เป็นเรือปู ปลาหมึก และปลาทู การดำเนินการตรวจสอบเรือประมงก่อนออกเรือไปทำประมง จะต้องแจ้งก่อนทุกครั้งและเมื่อเรือกลับเข้ามาก็จะต้องแจ้งว่าได้ปลามาน้ำหนักเท่าไหร่ ตรงกับชนิดที่ได้มีการขึ้นทะเบียนไว้หรือไม่
อียู ได้ประกาศให้ใบเหลืองกับการประมงของไทยเมื่อกลางเดือนเม.ย. โดยให้ไทยปรับปรุงกฎหมาย และมาตรการต่างๆ ในการควบคุม การทำประมง เป็นระยะเวลา6 เดือน สำหรับ 6 มาตรการ ที่ไทยต้องดำเนินการ คือ 1.การจดทะเบียนเรือประมงและออกใบอนุญาตทำการประมง 2.การควบคุมและ เฝ้าระวัง การทำประมง 3.การจัดทำระบบติดตามตำแหน่งเรือ (วีเอ็มเอส) 4.การปรับปรุง ระบบการตรวจสอบย้อนกลับ 5.ปรับปรุง พระราชบัญญัติการประมงและกฎหมาย ลำดับรอง และ 6.จัดทำแผนระดับชาติในการ ป้องกันสินค้าไอยูยู
ผู้สื่อข่าว:วิรวินท์ ศรีโหมด