ประชาชนจำนวนมากเข้าร่วมการประท้วงต่อต้านนโยบายของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ในเมืองต่างๆ ทั่วสหรัฐอเมริกา รวมถึงนิวยอร์ก วอชิงตัน ดี.ซี. ชิคาโก ไมอามี และลอสแองเจลิส เมื่อวันเสาร์ (18 ต.ค.68) ตามเวลาท้องถิ่น โดยถือป้ายที่มีข้อความเช่น "ประชาธิปไตย ไม่ใช่ราชาธิปไตย" และ "รัฐธรรมนูญไม่ใช่ทางเลือก"
กลุ่มผู้สนับสนุนประธานาธิบดีทรัมป์กล่าวหาผู้ประท้วงว่าเชื่อมโยงกับขบวนการแอนติฟาที่มีแนวคิดฝ่ายซ้าย และประณามว่า เป็น "การชุมนุมที่แสดงให้เห็นถึงความเกลียดชังอเมริกา"
หลายรัฐมีการระดมกำลังกองกำลังรักษาดินแดนเข้ารักษาความสงบ แต่ผู้จัดการประท้วงระบุว่า การประท้วงที่มีผู้เข้าร่วมเกือบ 7 ล้านคน ดำเนินไปอย่างสันติ และไม่มีการจับกุมผู้ใด
นับตั้งแต่ประธานาธิบดีทรัมป์กลับเข้าสู่ทำเนียบขาวในเดือนมกราคม (2568) เขาขยายขอบเขตอำนาจของประธานาธิบดีโดยใช้คำสั่งฝ่ายบริหารเพื่อยุบหน่วยงานต่างๆ ของรัฐบาลกลางและส่งกองกำลังรักษาดินแดนไปยังหลายเมือง แม้ว่าผู้ว่าการรัฐเหล่านั้นจะคัดค้านก็ตาม นอกจากนี้ เขายังเรียกร้องให้เจ้าหน้าที่บังคับใช้กฎหมายระดับสูงของรัฐบาลดำเนินคดีกับผู้ที่เขามองว่าเป็นศัตรู โดยอ้างความจำเป็นเพื่อฟื้นฟูประเทศที่อยู่ในวิกฤตขึ้นมาใหม่ และได้ปัดเสียงวิจารณ์ที่ว่าเขาประพฤติตนเหมือนเผด็จการหรือฟาสซิสต์ว่าเป็นข้อกล่าวหาที่น่าตื่นตระหนก
นอกจากนี้ บรรดานักวิจารณ์ยังเตือนว่าการเคลื่อนไหวบางอย่างของรัฐบาลทรัมป์ขัดต่อรัฐธรรมนูญและเป็นภัยคุกคามต่อประชาธิปไตยของอเมริกา
ผลสำรวจล่าสุดชี้ว่ามีกลุ่มตัวอย่างเพียงร้อยละ 40 ที่เห็นด้วยกับผลงานของเขาในฐานะประธานาธิบดี ในขณะที่ร้อยละ 58 ไม่เห็นด้วย และเป็นเรื่องปกติที่ประธานาธิบดีจะได้รับความนิยมน้อยลงเมื่อดำรงตำแหน่ง ภาพรวมคะแนนนิยมโดยกัลลอป พบว่า ในเดือนกันยายน 2568 คะแนนนิยมของประธานาธิบดีทรัมป์อยู่ที่ร้อยละ 40 ซึ่งลดลงจากระดับร้อยละ 47 ในช่วงที่เริ่มดำรงตำแหน่งสมัยที่ 2 เมื่อเดือนมกราคม 2568
...
#ประท้วงต้านทรัมป์
#อเมริกา