ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐฯ กล่าวว่า ขณะนี้เขากำลังให้ความสนใจไปที่การยุติสงครามระหว่างรัสเซียกับยูเครน โดยกำลังพิจารณาจัดหาอาวุธพิสัยไกลให้แก่ยูเครนเพื่อกดดันให้รัสเซียเข้าร่วมการเจรจา
การยุติสงครามในยูเครนและฉนวนกาซาเป็นนโยบายสำคัญในการเลือกตั้งประธานาธิบดีปี 2567 ของประธานาธิบดีทรัมป์ ซึ่งเขาวิพากษ์วิจารณ์ประธานาธิบดีโจ ไบเดน อย่างต่อเนื่อง ถึงวิธีการจัดการความขัดแย้ง แต่การยุติความขัดแย้งในยูเครน มีอุปสรรคสำคัญคือประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน แห่งรัสเซียยังไม่ยอมรับการเจรจากับประธานาธิบดี โวโลดิมีร์ เซเลนสกี ผู้นำยูเครนเพื่อยุติสงครามที่กำลังเข้าสู่ปีที่ 4 แต่หลังจากที่สามารถบรรลุข้อตกลงหยุดยิงและปล่อยตัวประกันในฉนวนกาซา ซึ่งประธานาธิบดีทรัมป์ยอมรับว่า เป็นข้อตกลงที่ยังมีความไม่แน่นอนอยู่ แต่เขาก็ทำให้มีความมั่นใจเพิ่มขึ้นว่าเขาจะสามารถยุติสงครามในยูเครนได้
ก่อนหน้านี้ประธานาธิบดีทรัมป์ กล่าวสุนทรพจน์ต่อรัฐสภาอิสราเอลว่า การยุติสงครามในฉนวนกาซาจะเป็นรากฐานให้สหรัฐฯ ช่วยเหลืออิสราเอลฟื้นฟูความสัมพันธ์กับประเทศเพื่อนบ้านในตะวันออกกลาง แต่ก็กล่าวด้วยว่า นโยบายการต่างประเทศที่สำคัญที่สุดในขณะนี้คือการยุติความขัดแย้งทางอาวุธครั้งใหญ่ที่สุดในยุโรปนับตั้งแต่สงครามโลกครั้งที่สอง
และในวันนี้ (17 ต.ค.68) ตามเวลาท้องถิ่น ประธานาธิบดีทรัมป์ จะต้อนรับประธานาธิบดีเซเลนสกีที่ทำเนียบขาว ซึ่งเป็นการพบหารือเป็นครั้งที่ 4 ของปีนี้ โดยมีสาระสำคัญคือการขายขีปนาวุธร่อนโทมาฮอว์ก ซึ่งจะช่วยให้ยูเครนสามารถโจมตีดินแดนรัสเซียได้ และจะเป็นการเพิ่มแรงกดดันให้ประธานาธิบดีปูตินเข้าร่วมการเจรจาสันติภาพ
แต่ประธานาธิบดีปูติน โต้แย้งว่า การจัดหาขีปนาวุธโทมาฮอว์กให้กับยูเครนจะถือเป็นการข้ามเส้นแดงและจะส่งผลเสียต่อความสัมพันธ์ระหว่างรัสเซียและสหรัฐฯมากยิ่งขึ้น
นอกจากนี้ คาดว่าประธานาธิบดีเซเลนสกีจะย้ำคำร้องขอให้ใช้มาตรการคว่ำบาตรต่อเศรษฐกิจของรัสเซีย ซึ่งก่อนหน้านี้ รัฐสภาสหรัฐฯ ได้พิจารณาร่างกฎหมายที่จะนำไปสู่การคว่ำบาตรรัสเซียที่เข้มงวดยิ่งขึ้น แต่ประธานาธิบดีทรัมป์ต้องการกดดันสมาชิกนาโตและพันธมิตรอื่นๆ ยุติการซื้อน้ำมันจากรัสเซีย ซึ่งเป็นรายได้หลักที่นำไปใช้ในการทำสงคราม โดยอินเดีย ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้ซื้อน้ำมันดิบรายใหญ่ที่สุดของรัสเซียตกลงที่จะยุติการซื้อน้ำมันจากรัสเซียแล้ว
...
#สันติภาพยูเครน
#ขีปนาวุธโทมาฮอว์ก