ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์แห่งสหรัฐฯ กล่าวสุนทรพจน์ต่อที่ประชุมสภาคเนสเซต หรือรัฐสภาอิสราเอลด้วยความยินดีว่า "ฝันร้ายอันยาวนานและเจ็บปวดในที่สุดก็สิ้นสุดลงแล้ว" จากการที่อิสราเอลและกลุ่มฮามาสในฉนวนกาซา ตกลงหยุดยิงและแลกเปลี่ยนตัวประกัน
ในสุนทรพจน์ครั้งแรกของประธานาธิบดีสหรัฐฯ นับตั้งแต่ปี 2551 เขามีความเห็นว่าทุกสิ่งทุกอย่างในตะวันออกกลางเริ่มเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้นมาก และกล่าวด้วยว่า การยุติสงครามระหว่างรัสเซียและยูเครนจะเป็นเป้าหมายต่อไป
ทั้งนี้ กลุ่มฮามาสปล่อยตัวประกันที่ยังมีชีวิตอยู่ 20 คนสุดท้าย ส่วนอิสราเอลปล่อยตัวนักโทษชาวปาเลสไตน์ 250 คนและชาวปาเลสไตน์อีกมากกว่า 1,700 รายที่ถูกคุมขังระหว่างปฏิบัติการทางทหารที่ดำเนินมานาน 2 ปี
ในการประชุมครั้งนี้ นายกรัฐมนตรีเบนจามิน เนทันยาฮู แห่งอิสราเอล กล่าวว่า ประธานาธิบดีทรัมป์คือเพื่อนที่ยิ่งใหญ่ที่สุดที่อิสราเอลเคยมีในทำเนียบขาว ขอบคุณสำหรับความพยายามอย่างไม่ลดละในการช่วยเหลือตัวประกัน ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของกลุ่ม 251 คนที่ถูกกลุ่มฮามาสลักพาตัวไประหว่างการโจมตีทางตอนใต้ของอิสราเอลเมื่อวันที่ 7 ตุลาคม 2566
ส่วนประธานาธิบดีทรัมป์ อ้างว่า ข้อตกลงสันติภาพระหว่างอิสราเอลกับกลุ่มฮามาสจะไม่เกิดขึ้น หากสหรัฐฯไม่โจมตีโรงงานนิวเคลียร์ 3 แห่งของอิหร่านเมื่อเดือนมิถุนายน และว่า อิสราเอลได้รับชัยชนะตามที่ต้องการ ด้วยความสนับสนุนจากสหรัฐฯและขณะนี้คือช่วงเวลาของสันติภาพและความเจริญรุ่งเรือง ยืนยันว่า สหรัฐฯอยู่เคียงข้างอิสราเอลมาโดยตลอดนับตั้งแต่อิสราเอลสถาปนาเอกราช และจะอยู่เคียงข้างกันตลอดไป
หลังจากเสร็จสิ้นการประชุมรัฐสภาอิสราเอล ประธานาธิบดีทรัมป์เดินทางต่อไปยังเมืองชาร์มเอลชีค ประเทศอียิปต์ เพื่อร่วมการประชุมสุดยอดสันติภาพร่วมกับประธานาธิบดีอับเดล ฟัตตาห์ อัลซิซี และผู้นำคนอื่นๆ
....
#สหรัฐ
#อิสราเอล
#ฮามาส