หลังการประชุมคณะทำงานพิจารณาดำเนินการตามคำพิพากษาของศาลปกครองกลาง พลตำรวจเอกพงศพัศ พงษ์เจริญ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ กล่าวว่า ที่ประชุมมีมติแต่งตั้งให้ พลตำรวจโทศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล เป็นผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค1 ย้อนหลังในปี 2553 ซึ่งได้ข้อสรุปเป็นมติเอกฉันท์ว่าคณะทำงานที่ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติแต่งตั้งขึ้น เพื่อพิจารณาหาแนวทางในการเยียวยาให้พลตำรวจโทศรีวราห์ เป็นไปตามคำพิพากษาของศาลปกครอง ส่วนเรื่องของการเยียวยาในเรื่องของตำแหน่ง ได้ข้อสรุป เป็น 3 ส่วนคือ คณะทำงานจะนำเสนอ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เพื่อเข้าสู่การประชุมของ สำนักงานคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ หรือ ก.ตร. ให้มีมติแต่งตั้ง พลตำรวจโทศรีวราห์ เป็นผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค1 มีผลตั้งแต่ 1 ตุลาคม 2553 จากนั้นจะเสนอให้มีการแต่ตั้ง พลตำรวจโทศรีวราห์ เพื่อให้เป็นผู้บัญชาการประจำ เป็นตำแหน่งที่คณะทำงานประจำมีมติเห็นว่าควรจะเปิดขึ้นรองรับเพราะในวันที่ 29 มิถุนายน 2555 พลตำรวจโทวินัย ทองสอง ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติได้รับการแต่งตั้งให้เป็นผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค1 เพราะฉะนั้น เห็นว่าควรจะต้องเปิดตำแหน่งผู้บัญชาการประจำเพื่อให้ พลตำรวจโทศรีวราห์ ได้ไปดำรงตำแหน่งนั้นเพราะตำแหน่งผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค1ในวันนั้นไม่ว่าง หลังจากนั้นได้มีการพิจารณาเรื่องของอาวุโส เรื่องเงินเดือน การดำรงตำแหน่งเทียบเคียงและอีกหลายส่วน ทางคณะทำงานได้มีมติว่า ในวันที่1 ตุลาคม 2556 พลตำรวจโทศรีวราห์ สมควรที่จะได้รับการแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งสูงขึ้น เป็นผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ซึ่งในตำแหน่งนี้ทางคณะทำงานจะเสนอผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติเพื่อนำเสนอ กตร.ว่า ควรจะได้มีการเปิดตำแหน่งรองรับในตำแหน่งผู้ช่วย ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ในวันดังกล่าวด้วย จนถึงปัจจุบัน พลตำรวจโทศรีวราห์ ก็จะดำรงตำแหน่งผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติก่อนที่จะมีการพิจารณาวาระการแต่งตั้งประจำปี 2558 ต่อไปในอนาคต
อย่างไรก็ตามในขณะนี้ หลังจากที่ ก.ตร.มีมติไม่อุทรณ์ และส่งเรื่องไปยังพนักงานอัยการ จนขณะนี้ยังไม่ได้รับหนังสือตอบรับจากพนักงานอัยการว่าการไม่อุทรณ์ไปนั้นมีผลสมบูรณ์แล้วหรือไม่อย่างไร ถือว่าสิ้นสุดตามคำพิพากษาแล้วหรือไม่และจะดำเนินการกระบวนการเยียวยาได้หรือไม่อย่างไร ในประเด็นนี้จะเสนอผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติได้สั่งการให้ทาง กตร. ได้มีหนังสือสอบถามไปยังพนักงานอัยการเจ้าของคดีว่าการบวนการที่ ก.รต.มีมติไม่อุทรณ์ไปนั้นมีอันว่าเสร็จสิ้นสบูรณ์ตามกฎหมายหรือไม่ เพื่อจะได้นำประเด็นวาระที่ 1ให้มีการเปิดตำแหน่งรองรับตามคำเยียวยาของคำพิพากษาศาลปกครองนั้นจะได้ดำเนินการต่อไปได้
ผู้สื่อข่าว:พนิตา สืบสมุทร