หลังมารีอา โครินา มาชาโด ผู้นำฝ่ายค้าน เวเนซูเอลา ได้รับรางวัลโนเบลสาขาสันติภาพ ส่งผลทำให้ ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ผู้นำสหรัฐพลาดรางวัล นายเจอร์เกน วัตเน ฟรีดเนส ประธานคณะกรรมการโนเบล ยืนยันว่า การตัดสินใจของคณะกรรมการฯ เป็นไปตามเจตนารมณ์ของนายอัลเฟรด โนเบล และไม่ได้รับอิทธิพลจากแรงกดดันทางการเมือง แม้การตัดสินใจของคณะกรรมการโนเบลสร้างความไม่พอใจต่อหลายฝ่ายที่มองว่า ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐ จะสมควรได้รับรางวัลดังกล่าว แต่สาเหตุสำคัญที่ทำให้ผู้นำสหรัฐพลาดโอกาสในการคว้ารางวัลในปีนี้ เกิดจากหลักเกณฑ์ที่ว่า การเสนอชื่อผู้เข้าชิงรางวัลโนเบลสาขาสันติภาพประจำปีนี้ ได้ถูกปิดรับไปตั้งแต่วันที่ 31 ม.ค.2568 ซึ่งขณะนั้น ปธน.ทรัมป์เข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีสมัยที่ 2 ได้เพียง 11 วัน หลังจากทำการสาบานตนรับตำแหน่งเมื่อวันที่ 20 ม.ค.
ผู้เชี่ยวชาญชี้ว่า สิ่งนี้หมายความว่า ความพยายามในการผลักดันเพื่อสันติภาพของปธน.ทรัมป์ หรือการที่มีผู้เสนอชื่อเขาในปีนี้ ถือว่าช้าเกินไปที่จะถูกนับรวมในการพิจารณาให้เป็นผู้ชนะรางวัลประจำปี 2568
นอกจากนี้ การที่อิสราเอลและฮามาสเพิ่งบรรลุข้อตกลงหยุดยิง และการที่ตัวประกันยังไม่ได้รับการปล่อยตัว อาจไม่ถือเป็นความสำเร็จที่มั่นคงเพียงพอในสายตาของคณะกรรมการโนเบล
นายธีโอ เซนู นักประวัติศาสตร์และนักวิจัยจากสถาบันเฮนรี แจ็กสัน กล่าวว่า รางวัลโนเบลสาขาสันติภาพเป็นผลลัพธ์ของการวิจัยและการพิจารณาอย่างถี่ถ้วนตลอดเวลาหลายเดือน โดยการอ้างความสำเร็จจากการทำข้อตกลงที่เพิ่งมีการทำขึ้นจะไม่ทำให้คณะกรรมการฯ เปลี่ยนแปลงการตัดสินใจในนาทีสุดท้าย
อย่างไรก็ตาม ปธน.ทรัมป์ยังคงมีโอกาสสำหรับปีหน้า หากการหยุดยิงในกาซายังคงยืนยาวและนำไปสู่ข้อตกลงที่ครอบคลุมมากขึ้น
นอกจากนี้ ผู้เชี่ยวชาญระบุว่า การที่ปธน.ทรัมป์ออกมารณรงค์เรียกร้องอย่างเปิดเผยว่าเขาเป็นผู้สมควรได้รับรางวัลโนเบลสาขาสันติภาพ กลับเป็นกระแสตีกลับ และส่งผลเสียต่อตัวเขาเอง เนื่องจากคณะกรรมการโนเบลไม่ต้องการให้ถูกมองว่ามีการมอบรางวัลแก่ปธน.ทรัมป์เพราะยอมจำนนต่อแรงกดดัน ขณะเดียวกัน นายเซนูกล่าวว่า "การเลือกมอบรางวัลให้กับนางมาชาโด ถือเป็นการตัดสินใจที่ไม่มีข้อถกเถียง โดยคณะกรรมการต้องการย้ำจุดยืนในการสนับสนุนประชาธิปไตย และส่งสัญญาณถึงผู้นำเผด็จการหรือผู้ที่มีแนวโน้มจะเป็นเผด็จการทั่วโลก"
นายแมทธิว มอคเฮฟี-แอชตัน ศาสตราจารย์ด้านรัฐศาสตร์จากมหาวิทยาลัยนอตติงแฮม เทรนต์ กล่าวเช่นกันว่า "พวกเขาไม่ต้องการมอบรางวัลให้ปธน.ทรัมป์ เพียงเพราะว่าเขาได้ผลักดันและล็อบบี้อย่างหนักเพื่อให้ได้มันมา"
แอชตัน เชื่อว่าการตัดสินใจครั้งนี้ ยังเป็นกลยุทธ์ที่ชาญฉลาดของทางคณะกรรมการโนเบลเพื่อทำให้ปธน.ทรัมป์ไม่สามารถวิพากษ์วิจารณ์การตัดสินใจของคณะกรรมการฯ ได้อย่างเต็มปาก เนื่องจากปธน.ทรัมป์เองเป็นผู้สนับสนุนนางมาชาโดอย่างเปิดเผยในช่วงเวลาที่ผ่านมา เพราะได้วิพากษ์วิจารณ์รัฐบาลของประธานาธิบดีนิโคลัส มาดูโร ของเวเนซูเอลา ด้านการละเมิดสิทธิมนุษยชน การกดขี่ประชาธิปไตย การคอร์รัปชัน พร้อมทั้งสนับสนุนมาตรการคว่ำบาตรเพื่อกดดันรัฐบาลเวเนซุเอลา
#ทรัมป์ไม่ได้โนเบล