ผู้ว่าฯธปท. พร้อมดูแลค่าเงินบาท-เร่งหามาตรการแก้ไขปัญหาหนี้เสีย

วันนี้, 17:45น.


          การดูแลค่าเงินบาท นายวิทัย รัตนากร ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย หรือ ธปท. กล่าวว่า ปัจจุบันเงินบาท แข็งค่าขึ้น 4.5% ตั้งแต่ต้นปี  ธปท.ได้ติดตามสถานการณ์เงินบาทร่วมกับกระทรวงการคลังและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อดูการเคลื่อนไหวของเงินที่น่าสงสัยและอาจจะเข้ามาทำให้เงินบาทแข็งค่า ซึ่งต้องพยายามค้นหาให้เจอเพราะบางธุรกรรมไม่ได้อยู่บนโต๊ะเสมอไป ส่วนการจัดตั้งกองทุนเพื่อความมั่งคั่งว่า ไม่มีแนวคิดที่จะดำเนินการในเรื่องนี้ และมองว่าในปัจจุบัน ธปท.นำเงินจากกองทุนสำรองระหว่างประเทศไปบริหารจัดการลงทุนได้อย่างมีประสิทธิภาพแล้ว ด้วยการจัดสัดส่วนการลงทุนไว้ได้เป็นอย่างดี และมีผลตอบแทนที่ดีมากอยู่แล้ว อีกทั้งยังไม่เห็นด้วยกับแนวคิดที่มีการเสนอว่าตั้งกองทุนเพื่อความมั่งคั่งเพื่อช่วยแก้ปัญหาเงินบาทแข็งค่าหรือช่วยทำให้เงินบาทอ่อนค่าลง



          ส่วนเรื่องการซื้อขายทองคำที่หลายฝ่ายมองว่าเป็นอีกสาเหตุของการแข็งค่าของเงินบาทนั้น ผู้ว่า ธปท.ยอมรับว่า ทองคำอาจจะเป็นส่วนเสริมที่ทำให้เงินบาทแข็งค่ามากขึ้น แต่เป็นเฉพาะทองคำที่มีการซื้อขายผ่านแอปพลิเคชันในรูปเงินของบาทเท่านั้น ไม่เกี่ยวกับการซื้อขายของรายย่อยตามร้านทองทั่วไป ซึ่งเรื่องนี้อยู่ระหว่างหารือกับกระทรวงการคลังและร้านค้าทองว่าจำเป็นที่จะต้องออกมาตรการเพื่อเข้ามาดูแลการซื้อขายในส่วนนี้หรือไม่ ถ้าจำเป็นก็ต้องเร่งหาข้อสรุปว่าควรจะดำเนินการอย่างไร



          นอกจากนั้น ธปท. มีแนวคิดจัดตั้งบริษัทจัดการสินทรัพย์ (Asset Management Company : AMC) ผ่านกลไกการซื้อหนี้ออกมาจากระบบธนาคาร โดยใช้เงินของกองทุนฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน (FIDF) ไม่เกิน 1 หมื่นล้านบาท ดำเนินการผ่าน บริษัทบริหารสินทรัพย์สุขุมวิท จำกัด  ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการหารือกับกระทรวงการคลัง สมาคมะนาคารไทย และสถาบันการเงิน ซึ่งคาดว่าจะได้ข้อสรุปไม่เกินปลายเดือน ต.ค. นี้ หลังจากนั้นจะต้องเสนอให้ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) พิจารณา และคาดว่าจะเริ่มดำเนินการได้ในช่วงต้นปี 2569 บื้องต้นจะดำเนินการกับกลุ่มหนี้เสียไม่เกิน 1 แสนบาท กว่า 2 ล้านคน จากทั้งหมด 3 ล้านคน ส่วนใหญ่เป็นหนี้เสียที่อยู่ในธนาคารพาณิชย์ 7 แสนกว่าคน สถาบันการเงินเฉพาะกิจของรัฐ 7 แสนกว่าคน และนอนแบงก์ที่เป็นบริษัทลูกของสถาบันการเงินอีก 8 แสนกว่าคน



          ส่วนลูกหนี้ที่อยู่กับนอนแบงก์อาจจะต้องดำเนินการในระยะถัดไป เนื่องจากมีเงื่อนไขที่แตกต่างกัน โดยหลักการคือ ต้องดูว่า ก้อนไหนทำง่ายที่สุด อยากทำให้จบเร็ว ปริมาณเยอะ แต่ถ้าทำได้หมดก็อยากทำ ส่วนถ้าทำหมดแล้วกระบวนการช้ามากก็อาจจะปรับเป็นเฟส โดยตอนนี้ยังอยู่ระหว่างการหารือเพื่อหาข้อสรุปที่ชัดเจนอีกครั้ง



          นายวิทัย เชื่อมั่นว่าแนวทางดังกล่าวจะช่วยลดหนี้ครัวเรือนได้ ซึ่งหลายฝ่ายอยากเห็นลดลงมาอยู่ที่ 80% แต่ส่วนตัวอยากลดลงมาให้มากที่สุด แต่ก็ต้องยอมรับว่าหากลดลงมามากก็ไม่ดี เพราะอาจจะเป็นข้อสงสัยเรื่องเศรษฐกิจ การแก้ปัญหาเชิงโครงสร้างไม่ใช่การกดปุ่มออกมาตรการแล้วจบ แต่เป็นเรื่องที่ต้องใช้เวลาทำหลายมาตรการต่อเนื่องเหมือนจิ๊กซอว์มาต่อกัน และหลายหน่วยงานต้องร่วมด้วยช่วยกัน



 

ข่าวทั้งหมด

X