การติดตามดูความสมบูรณ์ของโครงการป่าสิริเจริญวรรษ อันเนื่องมาจากพระราชดำริฯ ในพื้นที่ตำบลนาจอมเทียน อำเภอสัตหีบ จังหวัดชลบุรี ของนายพลากร สุวรรณรัฐ องคมนตรี พร้อมคณะผู้บริหารเจ้าหน้าที่ สำนักงานคณะกรรมการพิเศษเพื่อประสานงานโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ หรือ กปร.
นายณรงค์ฤทธิ์ เชื้อสีดา พนักงานพิทักษ์ป่าสิริเจริญวรรษ กล่าวว่า โครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ ป่าแห่งนี้ฯ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงมีพระดำริให้พัฒนาขึ้นเมื่อปี 2533 เนื่องในโอกาสเฉลิมพระชนมายุ 60พรรษา สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ หลังจากพบว่าป่าสิริเจริญวรรษ มีสภาพเสื่อมโทรม เนื่องจากชาวบ้านเข้ามาปลูกพืชผลทางการเกษตร ปลูกมันสําปะหลัง ,ไร่ขนุน จึงมีพระราชดำริให้กรมชลประทาน กรมป่าไม้ และหน่วยงานอื่นๆที่เกี่ยวข้องแก้ไข ฟื้นฟูผืนป่าที่เสื่อมโทรมให้พัฒนา เพื่อเป็นแบบอย่างแก่พื้นที่อื่นๆ โดยนำพันธุ์ไม้ผล ไม้เศรษฐกิจ และไม้ยืนต้น มาปลูก เช่น ต้นขนุน มะม่วง กระท้อน ไม้ยาง ไม้เต็ง ไม้รัง ไม้สัก มาปลูกเพื่อฟื้นฟูคืนผืนป่า รวมทั้งให้มีการขุดบ่อน้ำ 4แห่งแบบขั้นบันไดรอบๆเขาชีโอน เพื่อให้เป็นแหล่งเก็บกักน้ำฝนเมื่อตกลงมาจะได้ซึมผ่านดิน และไหลลงมาอยู่ในแหล่งน้ำกลางป่า เพื่อหล่อเลี้ยงป่าให้อุดมสมบูรณ์ตลอดทั้งปี อีกทั้งเพื่อเป็นป่าชุมชน ให้นักเรียน นักศึกษา นักท่องเที่ยวเข้ามาเดินเยี่ยมชมศึกษา โดยตลอด 24ปีที่มีการพัฒนาป่าแห่งนี้มาจนถึงปัจุบันจากป่าที่เสื่อมโทรม ขณะนี้กลับมาอุดมสมบูรณ์อีกครั้ง
ด้านนางสาวจันทร์จิรา เพียนจันอบ นักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 โรงเรียนผินแจ่มวิชาสอน ที่ตั้งอยู่ในอำเภอบางละมุง จังหวัดชลบุรี ซึ่งเป็นนักเรียนที่เข้ามาเรียนรู้ศึกษาป่าแห่งนี้ เล่าให้ฟังว่า ที่โรงเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่4-6 จะมีวิชาเศรษฐกิจพอเพียง ซึ่งจะสอนเกี่ยวกับการใช้ชีวิตตามหลักเศรษฐกิจพอเพียง ,สอนการปลูกพืชผักสวนครัว ,และหนึ่งในนั้น คือ การสอนให้นักเรียนรู้จักคุณค่าของป่า ซึ่งโรงเรียกก็มักจะจัดกิจกรรมปลูกป่า ที่ป่าสิริเจริญวรรษ ในทุกๆปี และจะพานักเรียนมาดูระบบนิเวศน์ของป่า เนื่องจากป่าแห่งนี้เป็นป่าชุมชนที่อยู่ใกล้โรงเรียน ขณะที่ก่อนมาลงพื้นที่ครูจะเล่าถึงความเป็นมาของป่าแห่งนี้ว่าเสื่อมโทรมอย่างไรเมื่ออดีต และเมื่อมีโครงการพระราชดำริฯ เข้ามาพัฒนาแล้วดีขึ้นอย่างไร รวมถึงจะให้นักเรียนมาทำกิจกรรมปลูกป่า และเมื่อเรียนในระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 ก็จะต้องมาบรรยายให้รุ่นน้องฟังเมื่อเดินทางมาลงพื้นที่ อย่างไรก็ตาม กิจกรรมนี้ก็เพื่อปลูกฝังให้นักเรียนรู้สึกอนุรักษ์ผืนป่า เพราะถ้าไม่มีป่า ฝนก็จะไม่ตก และก็จะไม่มีน้ำมาใช้ในชุมชน เนื่องจากป่าเป็นต้นน้ำของชุมชน
ผู้สื่อข่าว:วิรวินท์ ศรีโหมด