สภาพฝนฟ้าคะนองในระยะนี้ ดร.เสรี ศุภราทิตย์ คณะกรรมการระหว่างรัฐบาลว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (IPCC) และ ผู้อำนวยการศูนย์การเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศและภัยพิบัติ มหาวิทยาลัยรังสิต ระบุว่า ยังคงต้องเฝ้าติดตามพายุฝนหลายในหลายพื้นที่ นอกจากนี้ ยังคงต้องเฝ้าติดตามอิทธิพลของพายุไต้ฝุ่น “บัวลอย” ช่วง 29-30 กันยายนนี้ คาดว่า จะมีฝนตกต่อเนื่องทำให้ความเสี่ยงต่อปริมาณน้ำไหลเข้าเต็มเขื่อนต่างๆได้ (เขื่อนสิริกิติ์ เขื่อนแควน้อย เขื่อนป่าสัก เป็นต้น) การบริหารความเสี่ยงเขื่อนจึงเป็นเรื่องสำคัญสูงสุดที่จะส่งผลกระทบต่อน้ำท่วมภาคกลาง
ก่อนหน้านี้ ดร.เสรีได้คาดการณ์ความรุนแรงของพายุ และปริมาณฝนตกหนักจากพายุตั้งแต่ "วิภา คาจิกิ หนองฟ้า รากาซา และบัวลอย" จะเห็นว่าความรุนแรงของปริมาณฝนสะสมจากพายุ “วิภา คาจิกิ และหนองฟ้า” มีความใกล้เคียงกัน (เฉดสีส้ม) แต่อาจจะมีฝนตกเฉพาะพื้นที่แตกต่างกัน (เช่นปริมาณฝนสะสม 2 วันจากพายุวิภา ที่ อ.ท่าวังผา จ. น่านมีถึงกว่า 430 mm ซึ่งเป็นฝนในรอบกว่า 1,000 ปี) พายุทั้ง 3 ลูกได้สร้างความเสียหายทั้งชีวิต และทรัพย์สินแก่หลายๆจังหวัดในภาคเหนือ และภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน จากนั้นยังคงมีฝนตกต่อเนื่องจากร่องฝน และลมมรสุมตะวันตกเฉียงใต้
จนขณะนี้เรากำลังเจออิทธิพลของพายุซุปเปอร์ไต้ฝุ่น “รากาซา” ที่มีทั้งลมแรง และฝนตกหนักประเทศฟิลิปปินส์ ไต้หวัน จีน และเกาะฮ่องกง สร้างความเสียหายอย่างรุนแรงโดยเฉพาะฟิลิปปินส์ ไต้หวัน และเกาะฮ่องกง พายุนี้เมื่อเคลื่อนตัวสู่แผ่นดินเวียดนามก็อ่อนกำลังลงทันที (จากความกดอากาศสูงจากแผ่นดินใหญ่) ทำให้ส่งผลต่อพื้นที่ประเทศไทย (ตามเฉดสีเหลือง) รุนแรงน้อยกว่าพายุ 3 ลูกก่อนหน้า แต่คาดการณ์ว่ายังคงมีฝนตกต่อเนื่อง 26-27 กันยายนนี้ ในหลายจังหวัดตามกรอบสีแดง
#ไต้ฝุ่นบัวลอย