ราคาน้ำมันขึ้นแรงในวันพุธ(24ก.ย.) แตะระดับสูงสุดในรอบ 7 สัปดาห์ หลังพบคลังปิโตรเลียมสำรองของสหรัฐฯลดลงอย่างน่าประลาดใจ สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เทกซัส อินเตอร์มีเดียต หรือไลต์สวีตครูด งวดส่งมอบเดือนพฤศจิกายน เพิ่มขึ้น 1.58 ดอลลาร์ ปิดที่ 64.99 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ด้านเบรนท์ทะเลเหนือลอนดอน งวดส่งมอบเดือนพฤศจิกายน เพิ่มขึ้น 1.68 ดอลลาร์ ปิดที่ 69.31 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
สำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานแห่งสหรัฐฯ(อีไอเอ) เผยแพร่รายงานในวันพุธ(24ก.ย.) ระบุคลังน้ำมันดิบสำรองของประเทศ ลดลงอย่างน่าแปลกใจ 607,000 บาร์เรล เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว สวนทางกับที่พวกนักวิเคราะห์คาดหมายว่าจะเพิ่มขึ้น 235,000 บาร์เรล
นอกจากนี้แล้วราคาน้ำมันยังได้แรงนุนจากข่าวที่ว่ากองทัพยูเครนโจมตีสถานีสูบน้ำมัน 2 แห่ง ในแคว้นโวโกกราดของรัสเซีย ขณะเดียวกันก็มีการประกาศภาวะฉุกเฉินในเมืองโนโวรอสซิสก์ ซึ่งเป็นท่าเรือหลักริมทะเลดำของรัสเซีย อันเป็นที่ตั้งของสถานีส่งออกหลักทางน้ำมันและธัญพืช
ด้านตลาดหุ้นสหรัฐฯปิดลบ 2 วันติดในวันพุธ(24ก.ย.) นักลงทุนขายทำกำไร หลังก่อนหน้านี้ทั้ง 3 ดัชนีแกว่งตัวอยู่ใกล้ๆระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ หลัง เจอโรม พาวเวลล์ ประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ(เฟด) ชี้ถึงความเป็นไปได้ที่มูลค่าหุ้นนั้นสูงเกินจริง ก่อนหน้ามีการเปิดเผยข้อมูลเงินเฟ้อในสัปดาห์นี้
ดาวโจนส์ ลดลง 171.50 จุด (0.37 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 46,121.28 เอสแอนด์พี ลดลง 18.95 จุด (0.28 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 6,637.97 จุด แนสแดค ลดลง 75.62 จุด (0.33 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 22,497.86 จุด
ราคาทองคำปิดลบหนักในวันพุธ(24ก.ย.) จากการแข็งค่าของดอลลาร์ นักลงทุนจับตาข้อมูลทางเศษรษฐกิจของสหรัฐฯในช่วงปลายสัปดาห์ เพื่อหาเงื่อนงำเกี่ยวกับแนวโน้มนโยบายของเฟด โดยราคาทองคำโคเม็กซ์ งวดส่งมอบเดือนธันวาคม ลดลง 47.60 ดอลลาร์ หรือ 1.20 % ปิดที่ 3,768.10 ดอลลาร์ต่อออนซ์
#เศรษฐกิจสหรัฐ
#หุ้นน้ำมัน