ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์แห่งสหรัฐฯ ใช้เวลานานถึง 56 นาทีกล่าวสุนทรพจน์บนเวทีสมัชชาใหญ่แห่งสหประชาชาติ ทั้งที่มีข้อกำหนดว่า ผู้นำแต่ละประเทศมีเวลาคนละ 15 นาทีในการกล่าวสุนทรพจน์ ซึ่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ กล่าวโจมตีนโยบายต่างๆ ของสหประชาชาติ รวมถึงนโยบายด้านสภาพอากาศ
ประธานาธิบดีทรัมป์ เริ่มต้นคำกล่าวด้วยการวิจารณ์รัฐบาลของอดีตประธานาธิบดีโจ ไบเดนว่า เป็นต้นเหตุของ "หายนะ" ที่เกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำเล่า แต่หลังจากที่เขากลับมาดำรงตำแหน่งในวาระที่ 2 ได้ 8 เดือน สหรัฐฯก็เข้าสู่ “ยุคทองอย่างแท้จริง” มีการทำข้อตกลงการค้าที่สำคัญมากมาย ทำให้สหรัฐฯ ได้รับการเคารพนับถืออีกครั้ง รวมถึงการเสริมสร้างความร่วมมือในอ่าวเปอร์เซียกับซาอุดีอาระเบีย กาตาร์ และสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ที่สำคัญคือการยุติสงครามทั้ง 7 ครั้งซึ่งมีคนบอกกับเขาว่า ความขัดแย้งเหล่านี้ไม่อาจยุติลงได้ เป็นความสำเร็จที่ไม่มีประธานาธิบดีคนใดทำได้ และสหประชาชาติก็ไม่ได้พยายามช่วยเหลือในเรื่องใดเลย
ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ยังเรียกร้องให้คนกลางในการเจรจาหยุดยิงในฉนวนกาซา บรรลุผลสำเร็จให้ได้ เพื่อช่วยเหลือตัวประกัน แต่ยังคงโจมตีการที่หลายประเทศให้การรับรองสถานะรัฐปาเลสไตน์ ว่าเป็นการให้รางวัลแก่กลุ่มฮามาส
นอกจากนี้ยังอ้างว่าสหประชาชาติให้ทุนสนับสนุนการโจมตีประเทศตะวันตกและพรมแดนของพวกเขา ทั้งที่ควรหยุดยั้งการรุกราน และปิดพรมแดน ประเทศยุโรป กำลังประสบปัญหาร้ายแรงจากการที่มีชาวต่างชาติเข้าเมืองอย่างผิดกฎหมายจำนวนมาก
ประธานาธิบดีทรัมป์ ยังกล่าวด้วยว่า การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศคือการหลอกลวงครั้งใหญ่ที่สุดที่เคยเกิดขึ้นในโลก เขาย้ำว่า ไม่มีภาวะโลกร้อนและภาวะโลกเย็นลง คำทำนายการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศทั้งหมดที่ทำโดยสหประชาชาติและหน่วยงานอื่นๆ นั้น "ผิดพลาด" และ "ทำโดยคนโง่"
...
#ทรัมป์
#สมัชชาสหประชาชาติ