*รอบวัน:กรมการค้าภายในสอบขึ้นราคาน้ำดื่ม/เลขาฯสมช.ไปจีนดูอุยกูร์/สอบคำรณวิทย์พกปืน*

15 กรกฎาคม 2558, 07:49น.


*ความเคลื่อนไหวเมืองไทยวันนี้ 07.30.



++++. สำนักเฝ้าระวังแผ่นดินไหว กรมอุตุนิยมวิทยาได้ออกประกาศเรื่องแผ่นดินไหวบริเวณ อ.สังขละบุรี จ.กาญจนบุรี ระบุว่า เวลา 21.25 น. ของวันที่ 14 กรกฎาคม เกิดแผ่นดินไหวมีจุดศูนย์กลางอยู่บริเวณ ต.ปรังเผล อ.สังขละบุรี จ.กาญจนบุรี ที่ลึกประมาณ 4 กิโลเมตร ขนาด 4.8 ได้รับรายงานว่ารู้สึกถึงความสั่นไหวที่ อ.สังขละบุรี และ อ.ทองผาภูมิ นายสมบัติ พัฒนมาศ นายด่านศุลกากรสังขละบุรี เปิดเผยว่า บ้านพักสั่นสะเทือน รับรู้ได้ประมาณ 10 วินาที เชื่อว่าน่าจะเกิดแผ่นดินไหว ใกล้เขตพื้นที่สังขละบุรี อย่างไรก็ตามขณะนี้หน่วยงานต่าง ๆ กำลังตรวจสอบ ว่ามีพื้นที่ใดได้รับความเสียหาย และมีการสั่งเฝ่าระวังเหตุไม่คาดฝันอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะที่โรงพยาบาล อ.สังขละบุรี มีการอพยพนำคนไข้ออกจากตึกแล้ว เพื่อความปลอดภัย



+++หลังรัฐบาลมีมติลดการระบายน้ำเหลือ 18 ล้านลูกบาศก์เมตร เริ่มในวันพรุ่งนี้ พล.อประยุทธ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า แม้จะมีผลกระทบต่อภาคการเกษตร โดยเฉพาะชาวนา ซึ่งรัฐบาลต้องดูแลและต้องมาดูว่าจะดูแลอย่างไร สิ่งสำคัญก็ต้องมาประเมินตอนนี้ว่าฝนที่จะตกในกลางเดือนสิงหาคมนั้นจะล่าช้าไปหรือไม่ น้ำที่กักเก็บไว้ขณะนี้จะพยายามดันให้ถึงเวลานั้น ซึ่งเป็นน้ำสำหรับกินอย่างเดียว ยังไม่เกี่ยวกับน้ำเพื่อการเกษตรเลย



++++พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย (มท.) นายปีติพงศ์ พึ่งบุญ ณ อยุธยา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ (กษ.) นายอานนท์ สนิทวงศ์ ณ อยุธยา ผู้อำนวยการสำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิศาสตร์สารสนเทศ (องค์การมหาชน) นายเลิศวิโรจน์ โกวัฒนะ อธิบดีกรมชลประทาน นายจตุพร บุรุษพัฒน์ อธิบดีกรมทรัพยากรน้ำ ร่วมกันแถลงสถานการณ์การแก้ไขปัญหาภัยแล้ง



+++นายเชาวรินทร์ กิ่งแก้ว รองผู้ว่าการ (ผลิตและส่งน้ำ) การประปานครหลวง กล่าวว่า สำหรับพื้นที่กรุงเทพมหานครมีแหล่งน้ำในการผลิต 2 แหล่ง คือ แม่น้ำเจ้าพระยาและน้ำจากเขื่อนศรีนครินทร์ และมั่นใจว่าน้ำจะเพียงพอ เชื่อว่าเดือนสิงหาคมฝนจะต้องตกเพราะเป็นฤดูฝน ขอให้พี่น้องประชาชนอย่ากังวล  ส่วนเมื่อค่ำว่านนี้  ศูนย์ป้องกันน้ำท่วม กรุงเทพมหานคร (กทม.) รายงานสถานการณ์ในพื้นที่กรุงเทพฯว่า เมื่อเวลา 18.30 น. เกิดฝนอ่อนสลับปานกลางในพื้นที่กรุงเทพฯ นายสัญญา ชีนิมิตร ปลัดกรุงเทพมหานคร (กทม.) กล่าวว่า ฝนที่ตกในพื้นที่กรุงเทพฯจะช่วยบรรเทาสถานการณ์ภัยแล้งในพื้นที่กรุงเทพฯได้เป็นอย่างมาก โดยเฉพาะในฝั่งธนบุรี ซึ่งมีปริมาณฝนตกเกือบ 50 มม. จะช่วยบรรเทาสถานการณ์น้ำเค็มจากน้ำทะเลหนุนสูงได้ เนื่องจากขณะนี้เกษตรกรฝั่งธนบุรีไม่สามารถสูบน้ำขึ้นไปใช้ในการเกษตรได้      



+++แหล่งข่าวจากกระทรวงพาณิชย์เปิดเผยว่า เริ่มมีประชาชนร้องเรียนเรื่องการจำหน่ายน้ำดื่มขวดแพงขึ้นเป็นจำนวนมาก ล่าสุดมีการร้องเรียนว่ามีห้างค้าปลีกโมเดิร์นเทรดแห่งหนึ่งย่านรัตนาธิเบศร์ปรับขึ้นราคาน้ำดื่ม โดยขนาด 1.5 ลิตร เคยจำหน่ายแพค (6 ขวด) ละ 48-49 บาท ติดราคาใหม่เป็นแพคละ 54-55 บาท และน้ำดื่มบางยี่ห้อปรับขึ้นมาถึงแพคละ 62 บาท ส่วนขนาดแกลลอนปรับขึ้นเช่นกันประมาณ 6-7 บาท จาก 32-33 บาท เป็น 39-40 บาท ซึ่งขณะนี้กรมการค้าภายในกำลังดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริง



+++เช้าวันนี้  นายอนุสิษฐ คุณากร เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) จะเดินทางไปประเทศจีนไปเพื่อดูความเป็นอยู่ของชาวอุยกูร์ที่ไทยส่งไปจีน และจะพูดคุยกับทางการจีนในเรื่องขอนโยบายด้วยซึ่งเป็นสิ่งที่ทางจีนเขายินดีที่จะให้เราเดินทางไปดูอยู่แล้ว เพื่อให้เกิดความมั่นใจว่าไม่มีเรื่องของการทำร้ายชาวอุยกูร์อย่างที่เป็นห่วงกัน โดยจะเดินทางไปประมาณ 4-5 วัน แล้วกลับมาจะมาแถลงให้ทราบ ขอยืนยันในเรื่องสิทธิมนุษยชน เราคำนึงถึงตลอดและทำเต็มที่ แต่การตีความอาจทำให้เกิดปัญหาซึ่งทางจีนเขาก็ต้องอธิบาย



+++ขณะที่นายสุรินทร์ พิศสุวรรณ อดีตเลขาธิการอาเซียน กล่าวว่า เรื่องนี้ประเทศไทยต้องชี้แจงให้สังคมโลกเข้าใจถึงสิ่งที่ดำเนินการไปแล้ว และเห็นด้วยที่รัฐบาลให้เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) เข้าไปดูการปฏิบัติของจีนที่จะดำเนินการกับชาวอุยกูร์ ซึ่งเป็นเรื่องที่ไทยจะต้องนำผลการปฏิบัตินั้นมาชี้แจงให้สังคมโลกเข้าใจต่อไป แต่จะต้องระวังว่า การดำเนินการดังกล่าวจะไปกระทบต่อกิจการภายในของจีนด้วย อย่างไรก็ตาม มองว่ากระแสโลกให้ความสำคัญกับการละเมิดสิทธิมนุษยชนมากขึ้น ซึ่งไทยจะต้องให้ความกระจ่างและตอบสังคมโลกให้ได้



+++แนวทางปรองดอง พล.อ.พิสิทธิ์ สิทธิสาร ผู้อำนวยศูนย์ปรองดองสมานฉันท์เพื่อการปฏิรูป (ศปป.) เปิดเผยโรดแมป 4ระยะ คือ 1.การแยกกันคุย โดยมอบหมายให้ พล.ท.บุญธรรม โอริส รอง ผอ.ศปป.ไปพูดคุยกับคนทุกกลุ่ม ยกเว้นคนที่อยู่ต่างประเทศ กับคนที่บวชอยู่ 2การสัมมนาทั้ง 2ฝ่ายร่วมกัน 3.เชื่อมความสามัคคี โดยจัดเตะฟุตบอลของสองฝ่าย ซึ่งก็ตอบรับแล้ว 4.นำแกนนำสองกลุ่มออกต่างจังหวัดไปเป็นวิทยากรพูดในเรื่องต่างๆ เพื่อแสดงให้เห็นว่า คนสองสีเลิกโกรธกันแล้วและตนกำลังพิจาณาเพิ่มเติมข้อที่5 คือ ให้ลงสัตยาบันออกทีวียืนยันกับประชาชนเหมือนเป็นสัญญาประชาคมยอมรับการเลือกตั้ง



+++ สำหรับการประชุม กมธ.ยกร่างฯนอกสถานที่    ในคดีเกี่ยวกับการจงใจไม่ยื่นบัญชีทรัพย์สินและหนี้สิน ให้ศาลอุทธรณ์มีอำนาจพิจารณาพิพากษา โดยกำหนดให้ยื่นขออุทธรณ์ไปที่ศาลฎีกา ซึ่งผู้สมัครเลือกตั้งถูกศาลอุทธรณ์พิพากษาให้ใบเหลือง หรือใบแดง สามารถยื่นสู้คดีศาลฎีกาได้ ซึ่งเดิมการไต่สวนเป็นหน้าที่ของคณะกรรมการเลือกตั้ง (กกต.) กมธ.ยกร่างฯยังคงให้ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญมี 9คนตามเดิม แต่เปลี่ยนสัดส่วนของคณะกรรมการสรรหาตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ เพราะต้องการให้การสรรหาตุลาการศาลรัฐธรรมนูญเปิดกว้างมากขึ้นและมีความเหมาะสม ส่วนการถอดถอนผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองและข้าราชการระดับสูง โดยปรับการถอดถอนเป็นระบบใหม่ คือ แบ่งตามประเภทผู้ถูกข้อหาและแบ่งตามประเภทความผิด โดยกรณีผู้ถูกร้องเป็นบุคคลที่มาจากการเลือกตั้ง 4ตำแหน่ง ได้แก่ นายกฯ รัฐมนตรี สส.และสว.ผู้ดำเนินการถอดถอนคือรัฐสภา ซึ่งต้องมีมติถอดถอนไม่ต่ำกว่าครึ่งหนึ่งของจำนวนสมาชิกรัฐสภา การถอดถอนจึงจะมีผล ส่วนกรณีที่ผู้ถูกร้องเป็นบุคคลในตำแหน่งอื่นๆ ทั้งฝ่ายการเมือง ข้าราชการประจำระดับสูง หรือคณะกรรมการในองค์กรอิสระยกเว้นปปช.ให้วุฒิสภาเป็นผู้ดำเนินการถอดถอนและมติถอดถอนต้องไม่น้อยกว่า 3ใน5 ของจำนวนสว.ที่มีอยู่



+++   นายสมชัย ศรีสุทธิยากร กกต.ด้านกิจการบริหารงานเลือกตั้ง แถลงว่า กกต.มีมติจะเสนอความเห็นเกี่ยวกับอำนาจให้ใบแดงกลับมาอยู่ในอำนาจของ กกต. เช่น ก่อนถึงวันเลือกตั้งถ้าพบผู้สมัครคนใดทำผิดกฎหมายเลือกตั้ง ขอให้กกต.มีอำนาจแจกใบแดงให้ผู้สมัครที่ทุจริตออกจากสนาม ซึ่ง กกต.โดยต้องผ่านความเห็นชอบของกฤษฎีกา เพื่อไม่ต้องเสียเวลาจัดเลือกตั้งใหม่ หรือ ก่อนประกาศผลการเลือกตั้งถ้าพบว่า มีการทุจริตและเชื่อมโยงไปยังผู้สมัคร ขอให้ กกต.มีอำนาจแจกใบแดง เพื่อตัดสิทธิผู้สมัคร 1ปี และ หลังประกาศผลเลือกตั้งแล้วพบทุจริตเลือกตั้งจะเชื่อมโยงหรือไม่เชื่อมโยงกับผู้สมัคร ก็ขอส่งเรื่องไปที่ศาลอุทธรณ์และให้ดูว่า ศาลจะยืนตามมติ กกต.หรือไม่ ถ้าเป็นใบเหลืองก็ให้จัดเลือกตั้งใหม่ ถ้าเป็นใบแดงให้ตัดสิทธิตลอดชีวิต



+++คดีหมิ่นเบื้องสูง  ศาลทหาร อ่านคำพิพากษาคดี “เครือข่ายบรรพต” ผู้ต้องหาคดีหมิ่นเบื้องสูง โดยศาลพิพากษาในกลุ่มที่ให้การสารภาพ 10คน ว่า กระทำผิดจริง แต่ทำไปด้วยความรู้เท่าไม่ถึงการณ์จาก 14คน ที่ขอต่อสู้คดี 2คน คือ นายเงินคูณ อุดมคุณากรและนางศิวาพร ปัญญา โดยเป็นคดีของกองบังคับการปราบปรามการกระทำผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี(ปอท.) ส่วนที่ถูกแยกฟ้องต่างหากอีก 2คน คือ นายธารา วาณิชพงษ์พันธุ์และนางอัญชัญ ปรีเลิศ เป็นคดีของกรมสอบสวนคดีพิเศษ(ดีเอสไอ)ศาลสั่ง จำคุกคนละ 10 ปี แต่สารภาพจึงลดโทษเหลือ 5ปี ที่ได้ผลิตและเผยแพร่ เว้นแต่จำเลยที่5-6 ศาลให้จำคุก 6ปี แต่รับสารภาพเหลือจำคุก 3ปี



++++พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา รมว.ยุติธรรม เปิดเผยว่า ในคดีหมิ่นม. 112 ขณะนี้มีกลุ่มผู้กระทำผิดถูกออกหมายจับและหลบหนีไปต่างประเทศรวม 23คน กลุ่มเฝ้าระวัง 112 คน รวมทั้งหมด 135คน ขณะนี้ได้จัดทำบัญชีผู้กระทำความผิดคดีความมั่นคงไว้แล้ว 5บัญชี นอกจากนี้ มีการเพิ่มเติมการเฝ้าระวังกลุ่มแนวร่วมที่เคลื่อนไหวในประเทศเพื่อนบ้าน ซึ่งการกระทำผิดดังกล่าวจะมีการกระทำเชื่อมโยงเป็นเครือข่าย โดยมอบหมายให้ดีเอสไอประสานข้อมูลกับกองทัพและสตช.และตำรวจภูธรทั่วประเทศ ทำหน้าที่เฝ้าติดตาม



++++พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง หรือ "แจ๊ด" อดีตผู้บัญชาการตำรวจนครบาล (ผบช.น.) ซึ่งถูกทางการประเทศญี่ปุ่นฝากขังกว่า 20 วัน ในข้อหาพกอาวุธปืนขึ้นเครื่องบิน ก่อนที่พนักงานอัยการญี่ปุ่นจะมีคำสั่งไม่ฟ้อง ล่าสุด พล.ต.ท.คำรณวิทย์ได้เดินทางโดยสายการบินไทย เที่ยวบิน ทีจี 641 กลับถึงสนามบินสุวรรณภูมิประเทศไทยแล้วเมื่อช่วงบ่ายวานนี้  หลัง พล.ต.ท.คำรณวิทย์เดินทางออกจากสนามบิน พล.ต.ท.อำนวย นิ่มมะโน ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 1 (ผบช.ภ.1) ได้แถลงข่าวถึงมาตรการสอบสวนกรณีดังกล่าวที่สถานีตำรวจภูธรท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ โดยระบุว่า ได้ตั้งคณะกรรมการสอบสวนถึงเหตุการณ์ดังกล่าว  สำหรับรายละเอียดของขั้นตอนหลังจากนี้ คือจะประสานไปยังพนักงานอัยการญี่ปุ่น เพื่อขอสำนวนการสอบสวนและอาวุธปืนของกลางของ พล.ต.ท.คำรณวิทย์ที่ถูกยึดไปเพื่อขอสำนวนการสอบสวน คาดว่าจะได้มาแน่นอน แต่ไม่แน่ใจว่าทางประเทศญี่ปุ่นจะส่งอาวุธปืนคืนมาให้หรือไม่ เนื่องจากเป็นอาวุธปืนของกลาง คาดจะใช้เวลาในการประสาน 1-2 สัปดาห์ ระหว่างที่รอสำนวนจากทางการประเทศญี่ปุ่นนั้น เจ้าหน้าที่ตำรวจจะเรียก พล.ต.ท.คำรณรวิทย์มาสอบสวนถึงกรณีที่เกิดขึ้นว่ามีรายละเอียดอย่างไร แต่ขณะนี้ยังไม่มีการตั้งข้อหาใดๆ ทั้งสิ้น    



++++ มีรายงานจากกองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 1 ว่า คณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงกรณีดังกล่าว จะเชิญตัว พล.ต.ท.คำรณวิทย์มาสอบปากคำภายในสัปดาห์นี้ ขณะที่นักกฎหมายหลายคนก็ให้ความเห็นไว้ทำนองเดียวกันว่า กรณีนี้ถือเป็นความผิดสำเร็จตาม พ.ร.บ.การเดินอากาศ พ.ศ.2497 กรณีนี้เป็นความผิดพลาดทั้งของตัวเจ้าหน้าที่สนามบิน ที่จงใจละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ในการรักษาความปลอดภัยของอากาศยานลำดังกล่าว และเจ้าของปืน ซึ่งใช้สิทธิพิเศษในการหลีกเลี่ยงการตรวจสอบกระเป๋าอย่างละเอียด แหล่งข่าวทั้ง ทอท.และการบินไทยมีความเห็นสอดคล้องกันว่า การดำเนินคดี พล.ต.ท.คำรณวิทย์คงเป็นเรื่องยาก เนื่องจากไม่มีหลักฐานที่เป็นข้อมูลในการสืบคดี เพราะภาพที่ผ่านเครื่องสแกนที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิจะเป็นตัวบ่งชี้ว่าความบกพร่องที่เกิดขึ้นเป็นของระบบเครื่องตรวจสอบหรือเจ้าหน้าที่ปฏิบัติหน้าที่ ลบทิ้งไปแล้ว ขณะที่การบินไทยหากจะดำเนินคดี ก็ต้องมีการตรวจหลักฐาน 

ข่าวทั้งหมด

X