การประชุมคณะกรรมการป้องกันและแก้ไขปัญหาเกี่ยวกับความมั่นคงแห่งราชอาณาจักร หรือความผิดเกี่ยวกับมาตรา 112 พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม เปิดเผยว่า ที่ประชุมติดตามความคืบหน้าคณะทำงานตามกลุ่มภารกิจ ซึ่งขณะนี้ได้แยกบัญชีเฝ้าระวังเป็น 5 บัญชี เช่น กลุ่มที่มี-ไม่มีหมายจับเคลื่อนไหวในต่างประเทศ กลุ่มที่เคลื่อนไหวในประเทศไทย รวมทั้งสิ้น 135 ราย และ 5 กลุ่มแนวร่วม ซึ่งอยู่ระหว่างการประเมินจำนวนและพฤติการณ์การกระทำผิดลักษณะเชื่อมโยงเป็นเครือข่ายหรือขบวนการเคลื่อนไหวกระทำความผิดอยู่ในประเทศเพื่อนบ้าน รมว.ยธ.ย้ำว่า เข้าใจถึงหลักกฎหมายของประเทศต่างๆที่ไม่มีความผิดในคดี 112 จึงไม่ได้คาดหวังเรื่องการส่งตัวเป็นผู้ร้ายข้ามแดน แต่มีความจำเป็นต้องชี้แจงทำความเข้าใจกับต่างประเทศ เนื่องจากผู้ต้องหามักอ้างว่ากระทำความผิดในคดีการเมือง ซึ่งไม่ตรงกับข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นเพราะความผิดตาม ม.112 ไม่ใช่ประเด็นทางการเมือง
ด้านศาลทหารพิพากษา นคดี“เครือข่ายบรรพต” ผู้ต้องหาคดีหมิ่นเบื้องสูง ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 ในการผลิตสื่อทางออนไลน์ ผ่านการผลิตคลิปกว่า 400 คลิป ตั้งแต่ปี 2552 และการตั้งเพจและเว็บไซต์ต่างๆเพื่อเผยเเพร่ ในกลุ่มที่ให้การสารภาพ 10 คน ว่า กระทำผิดจริงแต่ทำไปด้วยความรู้เท่าไม่ถึงการณ์ จาก 14 คน ที่ขอต่อสู้คดี 2 คน คือ นายเงินคูณ อุดมคุณากร และ นางศิวาพร ปัญญา โดยเป็นคดีของกองบังคับการปราบปรามการกระทำผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี(ปอท.) ส่วนที่ถูกแยกฟ้องต่างหากอีก 2 คน คือ นายธารา วาณิชพงษ์พันธุ์ โดนฟ้อง 6 กรรม และนางอัญชัญ ปรีเลิศ โดนฟ้อง 29 กรรม เป็นคดีของกรมสอบสวนคดีพิเศษ ศาลพิเคราะห์แล้วว่า ให้จำเลยที่ 1-2 และ 7-12 จำคุกคนละ 10 ปี แต่ผู้ต้องหาให้การรับสารภาพจึงลดโทษเหลือ 5 ปี ที่ได้ผลิตและเผยแพร่ เว้นแต่จำเลยที่ 5-6 ที่ศาลให้จำคุก 6 ปี แต่สารภาพเหลือ 3 ปี โดยจำเลยที่ 3-4 ขอต่อสู้คดี ศาลจึงจำหน่ายคดีเพื่อให้อัยการศาลอาญากรุงเทพใต้ ส่งฟ้องภายใน 15 วัน