หลังพล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง อดีตผู้บัญชาการตำรวจนครบาล เดินทางกลับมายังประเทศไทย เมื่ออัยการญี่ปุ่นมีคำสั่งไม่ฟ้อง ในคดีพกพาอาวุธปืนเข้าประเทศ พล.ต.ท.อำนวย นิ่มมะโน ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 1 ได้แถลงข่าวที่ สถานีตำรวจภูธรท่าอากาศยานสุวรรณภูมิว่า ได้ตั้งคณะกรรมการสอบสวนถึงเหตุการณ์ดังกล่าวตั้งแต่เมื่อวานนี้แล้วในฐานะดูแลคดี ร่วมด้วยเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ของ สภ. ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิที่ชำนาญการ และหน่วยอื่นๆ ซึ่งขั้นตอนหลังจากนี้จะประสานไปยังอัยการญี่ปุ่น เพื่อขอสำนวนการสอบสวนและอาวุธปืนของกลางของ พล.ต.ท. คำรณวิทย์ ที่ถูกยึดไป โดยจะต้องทำหนังสือไปถึงสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ส่งต่อไปยังสำนักงานอัยการฝ่ายต่างประเทศของไทย เพื่อประสาน ส่งเรื่องต่อไปยังกระทรวงการต่างประเทศ เพื่อให้กรมการกงสุลประสานต่อไปยังสถานทูตไทยที่ประเทศญี่ปุ่น เพื่อประสานกระทรวงการต่างประเทศของญี่ปุ่น และจะส่งเรื่องไปยังสำนักงานอัยการญี่ปุ่น คาดว่าจะได้สอบสวนมาแน่นอน แต่ไม่แน่ใจว่าทางประเทศญี่ปุ่นจะส่งอาวุธปืนคืนมาให้หรือไม่ เนื่องจากเป็นอาวุธปืนของกลาง คาดจะใช้เวลาในการประสาน 1-2 สัปดาห์ โดยระหว่างรอสำนวนจะเรียก พล.ต.ท. คำรณรวิทย์ มาทำการสอบสวน แต่ ณ ขณะนี้ยังไม่มีการตั้งข้อหาใดๆ ซึ่งข้อมูลที่ได้จากอัยการญี่ปุ่นมาแล้ว จะนำมาเทียบเคียงกับคำให้การของพล.ต.ท. คำรณวิทย์ เพื่อตรวจสอบว่าคำให้การจะตรงกันหรือไม่
นอกจากนี้จะมีการเรียกเจ้าหน้าที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิมาสอบปากคำถึงเหตุการณ์ดังกล่าว และยืนยันว่าการท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ไม่ได้แจ้งความ แต่มีการส่งรายละเอียด ถึงเหตุการณ์ดังกล่าว มายัง สภ. สุวรรณภูมิ อย่างไรก็ตามเหตุการณ์ดังกล่าวการท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ไม่จำเป็นต้องแจ้งความก็ได้ แต่หากตรวจสอบแล้วมีความผิดจริง พนักงานสอบสวนสามารถแจ้งความฐานความผิดอาญาแผ่นดินได้ พล.ต.ท. อำนวย ได้ยืนยันว่า มาตรฐานของการท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ มีมาตรฐานเป็นอันดับต้นๆ ของโลก