เมืองไทยฯ(1):นายกเป็นประธานประชุมสมช./ไทยส่งตัวผู้ลักลอบเข้าเมืองตามหลักกฎหมายระหว่างประเทศ/ผู้พิพากษาค้านร่างรธน.

13 กรกฎาคม 2558, 07:26น.


กรณีที่ไทยส่งชาวอุยกูร์ที่ลักลอบเข้าเมืองโดยผิดกฎหมายให้จีน ตามหลักฐานที่ทางการจีนยืนยันเรื่องสัญชาติ และการเป็นบุคคลที่ต้องสงสัยในคดีอาญา แต่ทำให้นานาชาติ และกลุ่มองค์กรหลายกลุ่มในไทยไม่พอใจ ในวันนี้จะมีการประชุมสภาความมั่นคงแห่งชาติ ซึ่งมีพล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีเป็นประธาน ซึ่งอาจมีการนำเรื่องนี้เข้าหารือ



พล.ต.สรรเสริญ แก้วกำเนิด รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงยืนยันว่า รัฐบาลไทยดำเนินการอย่างถูกต้องเหมาะสมที่สุดแล้ว และขอให้เชื่อมั่นการตัดสินใจ เพราะเป็นผู้ลักลอบเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย และมีหลักฐานว่ากระทำความผิด รวมทั้งพิสูจน์สัญชาติแล้วว่าเป็นพลเมืองของประเทศนั้น ประเทศไทยก็ไม่มีทางเลือกเป็นอื่น นอกไปจากการส่งกลับไปประเทศต้นทาง และถามประเทศที่ประณามไทยเช่นกันว่า หากมีผู้กระทำผิดกฎหมายร้ายแรงจากประเทศหนึ่งหลบหนีมาพำนักในประเทศของท่าน ท่านจะส่งตัวกลับไปดำเนินคดียังประเทศต้นทาง หรือสนับสนุนให้ส่งต่อไปยังที่อื่น ในทางกลับกัน ถ้าเป็นผู้กระทำผิดในประเทศของท่านแล้วหลบหนีไปประเทศอื่น ท่านต้องการให้ส่งตัวกลับไปรับโทษในประเทศของท่านหรือไม่ คำตอบนั้นชัดเจนด้วยหลักเหตุผลที่สมบูรณ์ จึงไม่มีความเหมาะสมใดๆ เลยที่จะกล่าวร้ายต่อการปฏิบัติของประเทศไทย และในส่วนผู้ที่พิสูจน์แล้วว่าไม่มีความเกี่ยวข้องกับการก่อคดีใดๆ รวมทั้งผ่านการพิสูจน์สัญชาติแล้ว ประเทศไทยก็ดำเนินการดูแล ส่งไปยังประเทศปลายทางตามประสงค์อย่างปลอดภัย โดยคำนึงถึงหลักสิทธิมนุษยชนเสมอมา ทั้งเชื่อว่าสถานการณ์ความไม่พอใจจะคลี่คลายลงได้ เมื่อทุกฝ่ายยึดหลักเหตุและผล มากกว่าใช้อารมณ์ และเคารพต่อกฎหมายทั้งภายในประเทศและกฎหมายระหว่างประเทศ รวมทั้งมีความพยายามร่วมมือกันที่จะทำให้สถานการณ์เป็นปกติโดยเร็ว



อย่างไรก็ตาม นพ.นิรันดร์ พิทักษ์วัชระ กรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ(กสม.)และประธานอนุกรรมการสิทธิพลเมืองและสิทธิทางการเมือง เปิดเผยว่าในวันที่ 17 กรกฎาคมนี้ จะเชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ประกอบด้วย คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) กระทรวงการต่างประเทศ (กต.) สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง (ตม.) สำนักงานข้าหลวงใหญ่แห่งสหประชาชาติ (ยูเอ็นเอชซีอาร์) ฮิวแมนไรท์วอทช์ นักวิชาการด้านสิทธิมนุษยชนทั้งในและนอกประเทศมาชี้แจงและสอบถามเหตุผลการส่งกลับชาวอุยกูร์ให้จีน



ผู้พิพากษา 2,079 คน ภายใต้การประสานงานรวบรวมรายชื่อของ นายศรีอัมพร ศาลิคุปต์ ผู้พิพากษาอาวุโสในศาลฎีกา และนายสมชาติ ธัญญาวินิชกุล ผู้พิพากษาศาลฎีกา ร่วมกันทำจดหมายเปิดผนึก (ฉบับที่ 2) เมื่อวันที่ 12 กรกฎาคม ถึงประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.) ยกร่างรัฐธรรมนูญ คัดค้านร่างรัฐธรรมนูญกรณีเพิ่มสัดส่วนคณะกรรมการตุลาการ (ก.ต.) ศาลยุติธรรมจากบุคคลภายนอก และการอุทธรณ์มติ ก.ต.ศาลยุติธรรม เกี่ยวกับโทษทางวินัย โดยขอให้คณะกรรมาธิการยกร่างฯ พิจารณาทบทวน โดยเสนอว่าให้ผู้ถูกลงโทษทางวินัยมีสิทธิร้องขอให้ ก.ต.ศาลยุติธรรม ทบทวนการลงโทษทางวินัยแก่ผู้พิพากษาได้ ตามที่กฎหมายบัญญัติ เพื่อไม่ให้เกิดความเสียหายต่อระบบการบริหารงานบุคคลของศาลยุติธรรม และเพื่อเป็นการยืนยันว่าไม่ต้องการให้เพิ่มสัดส่วน ก.ต.จากบุคคลภายนอก



โดยในวันนี้ จะนำรายชื่อผู้พิพากษาที่ร่วมคัดค้านร่างรัฐธรรมนูญ พร้อมจดหมายเปิดผนึกส่งผ่านสำนักงานศาลยุติธรรมไปถึงหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและแถลงอย่างเป็นทางการที่ศาลฎีกา ถนนแจ้งวัฒนะ เวลา 12.00 น.



ด้านนายคำนูณ สิทธิสมาน โฆษก กมธ.ยกร่างรัฐธรรมนูญ เปิดเผยว่าการพิจารณาบทบัญญัติร่างรัฐธรรมนูญเป็นรายมาตราตลอดสัปดาห์นี้ จะเป็นการประชุมนอกสถานที่ ที่เมืองพัทยา จังหวัดชลบุรี โดยมีวาระเกี่ยวกับบทบัญญัติรายมาตราในภาค 3 หลักนิติธรรม ศาล และองค์กรตรวจสอบการใช้อำนาจรัฐ ภาค 4 การปฏิรูปและการสร้างความปรองดอง รวมทั้งบทบัญญัติบางมาตราที่ยังหาข้อยุติไม่ได้ และทบทวนเนื้อหาสาระทั้งหมดให้เกิดความรอบคอบอีกครั้งหนึ่ง  ทั้งกล่าวด้วยว่าจะนำข้อเสนอของคณะผู้พิพากษามาประกอบการพิจารณาด้วย



นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รมช.คมนาคม เปิดเผยว่า สำนักงานบริหารการบินแห่งชาติสหรัฐ (เอฟเอเอ) จะเข้ามาตรวจสอบ กรมฯ การบินพลเรือน (บพ.) และสายการบินไทยระหว่างวันที่ 13-17 กรกฎาคมนี้ โดยในช่วงวันที่16-17 กรกฎาคม เอฟเอเอจะสรุปและประมวลผลที่ได้จากการตรวจสอบ พร้อมกับมีข้อเสนอแนะหรือข้อสังเกตประเด็นที่จะต้องมีการปรับแก้ไข ส่วนผลสุดท้ายที่จะประกาศทางการจะต้องใช้เวลาอีก 65 วัน



ส่วนการปรับโครงสร้างกรมการบินพลเรือน พล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมเปิดเผย ว่า  คณะกรรมการกลั่นกรองกฎหมาย ของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) กำลังพิจารณาโครงสร้างใหม่ของสำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย (กพท.) คาดว่าจะเรียบร้อยภายในสัปดาห์นี้ ส่วนตรวจสอบมาตรฐานสายการบิน หรือ Re- certification เพื่อออกใบรับรองการเดินอากาศ (AOC) ให้ทั้ง 28 สายการบินนั้น ในเรื่อง คู่มือ ขั้นตอนการ Check List เสร็จแล้ว ทั้งในส่วนของกลุ่มตรวจสอบการปฏิบัติการบิน หรือ FOIM : Flight Operations Inspector Manual  และคู่มือการตรวจสอบมาตรฐานสายการบิน หรือ  AOCR: AIR OPERATOR CERTIFICATE REQUIREMENTS  ส่วนเจ้าหน้าที่ฝึกอบรมนั้นทาง ICAO กำลังจัดสรรให้ตามที่ต้องการ โดยยืนยันจะเร่งให้เร็วที่สุด ดังนั้นกรอบเวลาในการตรวจสอบสายการบิน จะต้องรอทาง ICAO ส่งเจ้าหน้าที่มาก่อน จึงเริ่มฝึกอบรม และสามารถจัดทีมเป็น 5 ชุดได้ อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ สายการบินยังคงทำการบินได้ตามปกติ โดยยังไม่มีมาตรการใดๆ เพิ่มเติมจากประเทศต่างๆ ทั้ง จีน เกาหลี ยุโรป ออสเตรเลีย



*-*

ข่าวทั้งหมด

X