*ความเคลื่อนไหวเมืองไทยวันนี้ 08.30น
+++หลังสิ้นสุดการขึ้นทะเบียนเรือประมงที่จะต้องปฏิบัติตามกฎหมายโดยไม่มีการผ่อนผันอีก ตามที่ศูนย์ป้องกันการทำประมงที่ผิดกฎหมายไอยูยู (ศปมผ.) ประกาศ เรือประมงหลายพื้นที่ทยอยเข้าฝั่งหยุดหาปลา ยัน"ไม่ได้ประท้วง" แต่ปฏิบัติตามนโยบายรัฐบาลที่ไม่สนับสนุนการทำประมงผิดกฎหมายตามกฎของไอยูยู หวั่นถูกจับกุมวันนี้ เหตุไม่มีอาชญาบัตร คาดส่งผลกระทบธุรกิจต่อเนื่องและแรงงาน นายอภิสิทธิ์ เตชะนิธิสวัสดิ์ นายกสมาคมการประมงนอกน่านน้ำไทย กล่าวว่า เรือประมงไทยกว่า 5 หมื่นลำ เป็นประมงพื้นบ้าน 4 หมื่นลำ เรือพาณิชย์ 1 หมื่นลำ ขณะนี้มีส่วนที่ถูกต้องตามกฎหมาย 100% มีน้อยมาก หากไม่หยุดทำประมงตั้งแต่วันนี้ เรือประมงเหล่านี้จะถูกจับและมีโทษจำและปรับรุนแรง
++++ขณะที่นายพจน์ อร่ามวัฒนานนท์ นายกสมาคมอาหารแช่เยือกแข็งไทย กล่าวว่า วันที่ 3 ก.ค.นี้ ทั้ง 8 สมาคมที่เกี่ยวข้องกับการประมง จะหารือเพื่อแก้ปัญหาการทำประมงผิดกฎหมาย การดำเนินการของรัฐบาลมาในทางที่ถูกต้องแล้ว ที่ต้องการให้ไทยหลุดพ้นจากข้อกล่าวหาการทำประมงผิดกฎหมาย ขาดการรายงานและไร้การควบคุม หรือไอยูยู ที่อียูประกาศให้ใบเหลืองกับไทย รายงานข่าวจากกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ แจ้งว่า เรือประมงของไทยในปัจจุบันมีประมาณ 5 หมื่นลำ ในจำนวนนี้มี 4 หมื่นลำ ที่เป็นเรือประมงพื้นบ้าน เรือกลุ่มนี้มีกำลังต่ำกว่า 60 ตันกรอส ตามกฎหมายรัฐบาลต้องการให้ขึ้นทะเบียนเป็นเรืออย่างถูกต้องกับประมงจังหวัดเท่านั้น
++++พล.ร.ท.จุมพล ลุมพิกานนท์ เจ้ากรมกิจการพลเรือนทหาร ในฐานะโฆษกศูนย์บัญชาการแก้ไขปัญหาการทำประมงผิดกฎหมาย (ศปมผ.) กล่าวว่า แม้ผลกระทบจากการหยุดการออกหาปลาของเรือประมง จะทำให้ตลาดสินค้าสัตว์น้ำในประเทศ ไม่มีสินค้าวางจำหน่าย โดยวันที่ 4 ก.ค.นี้ ตลาดแม่กลองอาจจะต้องได้รับผลกระทบโดยตรง ศปมผ. ยังยืนยันที่จะบังคับใช้กฎหมาย ส่วน ในวันที่ 2 ก.ค.นี้ พล.ร.อ.ไกรสร จันทร์สุวานิชย์ ผู้บัญชาการทหารเรือ (ผบ.ทร.) จะเป็นประธานการประชุมร่วมกันทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องและได้รับผลกระทบ ทั้งภาครัฐ เอกชน ชาวประมง เพื่อร่วมประเมินสถานการณ์ของการแก้ปัญหาการทำประมงที่ผิดกฎหมาย หากไทยยังต้องการตลาดอียูจึงต้องบังคับใช้มาตรการที่กำหนดอย่างเข้มงวด
++++ผลกระทบจากกรีซ นายวิสุทธิ์ ศรีสุพรรณ รมช.คลัง เปิดเผยว่า ครม.เห็นว่าผล กระทบที่จะมีต่อประเทศไทยจำกัด เนื่องจากกรีซมีขนาดเศรษฐกิจที่เล็กเมื่อเทียบกับประเทศอื่นๆ โดยมีขนาดผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศเพียง 8 ล้านล้านบาทเท่านั้น ขณะที่ไทยมีขนาดจีดีพี 12-13 ล้านล้านบาท และความกังวลในเรื่องหนี้สินของกรีซตลาดมีการรับรู้ปัญหานี้ไปพอสมควรแล้ว
++++สวนทางกับ นางรุ่ง มัลลิกะมาส ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายนโยบายเศรษฐกิจการเงินธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) กล่าวว่า ปัจจัยเสี่ยงที่จะทำให้เศรษฐกิจไทยเติบโตได้ต่ำกว่าประมาณการ 3% คือปัญหากรีซและยุโรป รวมทั้งปัจจัยภัยแล้งที่กำลังเกิดขึ้นในขณะนี้นเบื้องต้นเชื่อว่าครึ่งปีหลังจะไม่เข้าสู่ภาวะเงินฝืด เนื่องจากเงินเฟ้อจะต่ำสุดในไตรมาส 2 ปีนี้ และจะทยอยปรับดีขึ้นเรื่อยๆ จากฐานราคาน้ำมันที่ต่ำลงแล้วในช่วงครึ่งหลังของปี 2557 ต่างจากช่วงครึ่งแรกที่ฐานราคาน้ำมันยังสูง
+++ส่วนนายธนิต โสรัตน์ รองประธานสภาองค์การนายจ้างผู้ประกอบการค้าและอุตสาหกรรมไทย (อีคอนไทย) กล่าวว่า เศรษฐกิจไทยในช่วงครึ่งปีหลังยังมีปัจจัยเสี่ยงหลักเดิมๆ อยู่ นั่นคือเรื่องของการส่งออกที่ติดลบอย่างหนัก โดยคาดว่ายอดส่งออกของไทยในปีนี้น่าจะติดลบมากกว่าร้อยละ 2 เนื่องจากเฉพาะเดือน พ.ค.ตัวเลขที่ออกมาก็ติดลบมากถึงร้อยละ 5.1 และเมื่อรวมยอดส่งออก 5 เดือนแรกปีนี้ (ม.ค.-พ.ค. 2558) ก็ยังติดลบถึงร้อยละ 4 หากแก้ไม่ได้ ยากที่เศรษฐกิจไทยจะฟื้นตัว เพราะการส่งออกมีมูลค่าอยู่ในจีดีพีของประเทศถึงร้อยละ60
+++ด้านอัตราแลกเปลี่ยน ที่อ่อนค่าลงในช่วง 4-5 เดือนนี้ อ่อนค่าลงไปแล้วร้อยละ 4.5 นั้น อาจจะดูว่าน่าจะเป็นผลดีต่อการส่งออกของไทย แต่ถ้าดูค่าเงินในประเทศเพื่อนบ้านแล้วก็จะพบว่ามีการ อ่อนค่าลงหมด จึงทำให้ไม่เกิดความ ได้เปรียบ
+++ส่วนสถานการณ์ของกรีซที่มีปัญหาเสี่ยงล้มละลายหากเป็นเช่นนั้นก็จะทำให้เงินสกุลยูโรอ่อนค่าลง และเงินจะไหลโยกไปยังเงินสกุลเหรียญสหรัฐ ทำให้เงินเหรียญสหรัฐแข็งเงินจะไหลโยกไปยังเงินสกุลเหรียญสหรัฐ ทำให้เงินเหรียญสหรัฐแข็งค่าขึ้น ซึ่งก็จะส่งผลกระทบต่อการนำเข้าและส่งออกสินค้าของไทยไปด้วย รวมถึงกระทบต่อการบริโภคภายในประเทศเป็นลูกโซ่ จากการสำรวจกำลังซื้อในต่างจังหวัดพบว่า มีการหดตัว อย่างรุนแรงจากก่อนหน้านี้ที่ราคาสินค้าเกษตรตกต่ำก็ทำให้กำลัง ซื้อลดลงไปแล้วระดับหนึ่ง จึง ทำให้ผู้ประกอบการส่วนใหญ่ร้อยละ 70 กังวลเกี่ยวกับเรื่องนี้ เพราะถ้าเกษตรกรรายได้ไม่ดีกำลังซื้อก็จะลดลง กระทบต่ออัตราการใช้กำลังการผลิตในภาคผลิตให้ลดต่ำลง การทำงานล่วงเวลา (โอเวอร์ไทม์) ลดลง เป็นผลให้เกิดโอกาสการเลิกจ้างงานตามมาเป็นลูกระนาดได้
+++วันนี้ สำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า แถลงข่าวดัชนีราคาผู้บริโภคทั่วไปของประเทศ หรือเงินเฟ้อ เดือน มิ.ย. ซึ่งต้องจับตาว่าจะยังคงติดลบต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 6 หรือไม่ ถ้าติดลบต่อก็ถือว่าไทยเข้าสู่ภาวะเงินฝืดในทางเทคนิค
+++วันนี้ พล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม จะร่วมประชุม คณะกรรมการร่วมไทย-จีนประชุมครั้งที่ 5 จ.นครราชสีมา ติดตามความคืบหน้ารถไฟไทย-จีน เส้นทาง หนองคาย-นครราชสีมา-แก่งคอย-มาบตาพุด และแก่งคอย-กรุงเทพฯ 873 กม. เช่น การสำรวจพื้นที่ รายงานผลกระทบ สิ่งแวดล้อม (อีไอเอ) รูปแบบลงทุน กรอบวงเงิน การฝึกอบรมบุคลากร ระยะสั้น กลาง ยาว การถ่ายทอดเทคโนโลยี และข้อตกลงกรอบการทำงาน (Framework Agreement) รายละเอียดทั้งหมดจะสรุปได้ ส.ค.นี้ หลังผลศึกษาความเป็นไปได้และแบบ รายละเอียดเสร็จ เพื่อทราบเงินลงทุน จึงจะกำหนดรูปแบบลงทุนระหว่างรัฐบาลไทยและจีน วงเงินกู้ อัตราดอกเบี้ย โดยจะ รายงานให้พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีรับทราบ ส.ค.นี้
+++ แหล่งข่าวจากกระทรวงคมนาคม กล่าวว่า จีนลงสำรวจพื้นที่และพบปัญหาช่วงกรุงเทพฯ-บ้านภาชี มีการก่อสร้างหลายโครงการ ทั้งสายสีแดง แอร์พอร์ตลิงก์และรถไฟความเร็วสูง กรุงเทพฯ-เชียงใหม่ ของญี่ปุ่นทำให้เขตทางก่อสร้างอาจจะไม่พอ และช่วงคลอง 1-คลองพุทรา อยู่ใกล้แนวท่อน้ำมันและก๊าซ ปตท. อาจจะไม่ปลอดภัย ต้องสร้างห่างออกไปจาก แนวเดิม 13 เมตร อีกทั้งคอนเซ็ปต์โครงการต่างจากรถไฟความเร็วสูง เช่น ความเร็ว การบริการ เพราะรถไฟความเร็วสูงเน้นผู้โดยสาร เป็นหลัก แต่รถไฟไทย-จีนจะมีการขนส่งสินค้าด้วย จึงต้องสร้างสถานีเพิ่ม เพื่อรอหลีกการเดินรถในระยะแรกจาก กรุงเทพฯ-แก่งคอย-นครราชสีมา ระยะทางรวม 271.5 กม.
+++การเฝ้าระวังผู้เสี่ยงติดไวรัสเมอร์ส นพ.โสภณ เมฆธน อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า กระทรวงสาธารณสุข ได้ทยอยอนุญาตให้ผู้สัมผัสผู้ป่วยโรคเมอร์ส ที่มีความเสี่ยงสูง ที่ถูกกักตัวเฝ้าดูอาการอยู่ในโรงพยาบาลที่มีห้องแยกเชื้อ ให้ออกจากระบบการเฝ้าระวังโรค จำนวน 20 รายนั้น สำหรับผู้ป่วยชายชาวโอมาน ได้ให้กรมการแพทย์ที่รักษา เป็นผู้กำหนดว่าจะให้ผู้ป่วยออกจากห้องแยกโรคความดันลบและโรงพยาบาลได้เมื่อไร เพราะต้องมั่นใจว่าผู้ป่วยรายดังกล่าวจะไม่มีการแพร่โรคอีก ถึงแม้ผลการตรวจเชื้อทางห้องปฏิบัติการ ครั้งล่าสุดของผู้ป่วยจะไม่พบเชื้อ แต่ยังไม่ได้มีการพิจารณาให้ออกจากห้องแยกโรค เพราะยังมีโรคประจำตัวคือโรคหัวใจ รวมทั้งยังมีอาการเหนื่อยหอบ เดินยังไม่คล่องต้องมีคนช่วยพยุง จึงอยากให้ผู้ป่วยอาการดีขึ้นกว่านี้อีก จึงจะพิจารณาอนุญาตในเรื่องดังกล่าว สำหรับผู้สัมผัสเสี่ยงสูงที่ยังต้องเฝ้าระวังอีก 16 รายที่เหลือ คือ ญาติ 3 ราย และบุคลากร รพ.เอกชนอีก 13 ราย จะพ้นการเฝ้าระวังวันที่ 2 ก.ค.นี้
+++การตอบโต้ธนาคารที่จำกัด รับสมัครนักศึกษา จาก 14 แห่ง โดยไม่มีมหาวิทยาลัยราชภัฏ นายฤาเดช เกิดวิชัย อธิการบดีมหาวิทยาลัยราชภัฏสวนสุนันทา ยอมรับว่าเรื่องนี้ได้พูดคุยมาระยะหนึ่งแล้วผ่านโปรแกรมแชตไลน์กลุ่ม ทปอ.มรภ. ส่วนใหญ่มีความคิดเห็นไปในทางเดียวกันว่า จะยกเลิกทำธุรกรรมการเงินกับธนาคารดังกล่าว จึงเป็นไปได้ว่าข้อความนี้อาจหลุดมาจากแชตดังกล่าวและนำมาโพสต์ในเฟซบุ๊ก การที่ธนาคารระบุว่าเป็นการสื่อสารผิดพลาดนั้น ไม่น่าจะเป็นคำตอบที่เชื่อถือได้ เพราะมีการระบุเป็นลายลักษณ์อักษรที่ชัดเจนแสดงว่าต้องเป็นเรื่องจริง ดังนั้นเมื่อธนาคารระบุรายชื่อมหาวิทยาลัยที่จะรับเข้าทำงาน เราก็จะระบุรายชื่อ ธนาคารที่จะทำธุรกรรมทางการเงินด้วยเช่นกัน การคัดเลือกคนเข้าทำงานเป็นสิทธิ์ขององค์กร แต่การประกาศ เป็นลายลักษณ์อักษรแบบนี้เป็นการไม่ให้เกียรติกัน
+++จับแล้วฆาตกรโหดฆ่าอัยการสุราษฎร์ฯ นายนิวัฒน์ จงสุข อายุ 37 ปี เบื้องต้นนายนิวัฒน์ให้การรับสารภาพว่า เป็นผู้ลงมือก่อเหตุทำร้ายนายพยงค์จนเสียชีวิตจริง โดยอ้างว่ารู้จักกับผู้ตายครั้งแรกทางสื่อหาคู่ของสื่อสิ่งพิมพ์สำนักหนึ่ง ก่อนจะตัดสินใจคบหากันมานานกว่า 8 ปีแล้ว แต่หลังจากที่ผู้ตายย้ายไปรับตำแหน่งที่ จ.สุราษฎร์ธานี ก็มีท่าทีเปลี่ยนไป ผู้ตายพยายามตีตัวออกห่างและขอเลิก ทราบว่าได้ไปติดพันชายคนใหม่ แต่ตนไม่ยอมทำให้มีปัญหาทะเลาะเรื่องหึงหวงกันเรื่อยมา เบื้องต้นตำรวจแจ้งข้อหาฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา และจะควบคุมตัวผู้ต้องหาไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพยังจุดเกิดเหตุในช่วงเช้าวันที่ 1 ก.ค.นี้ ก่อนจะดำเนินการตามขั้นตอนกฎหมายต่อไป