ความคืบหน้าการทำงานคลี่คลายคดีค้ามนุษย์ เมื่อวานนี้ พล.ต.อ.เอก อังสนานนท์ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ(รองผบ.ตร.) และนายชาญชัย พงษ์ภัสสร ผู้อำนวยการสำนักภารกิจพิเศษ สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน(ปปง.) ร่วมประชุมคณะทำงานฝ่ายสืบสวนสอบสวน ทั้งในพื้นที่ตำรวจภูธรภาค 8 และภาค 9 เพื่อสรุปความคืบหน้าของคดีทั้งหมด ทั้งการสอบสวน การคุ้มครองพยาน การสืบพยานล่วงหน้า แนวทางการสืบสวนติดตามผู้ต้องหาตามหมายจับ และการดำเนินการดำเนินคดีในความผิดฐานฟอกเงิน โดยคดีนี้ มีการออกหมายจับผู้ต้องหาทั้งหมด 119 คน ควบคุมตัวได้แล้ว56 คน และยังหลบหนีอีก 63 คน กับมีการจัดเจ้าหน้าที่คุ้มครองพยานทุกคนจนกว่าคดีจะสิ้นสุดส่วนการสืบพยานล่วงหน้า ขณะนี้ศาลจังหวัดนาทวี ได้สืบพยานเสร็จแล้ว 1 ปาก โดยเปิดศาลเป็นกรณีพิเศษทุกวันเสาร์ และอาทิตย์ในการนัดสืบพยานเพื่อให้รวดเร็วยิ่งขึ้น เนื่องจากคดีนี้มีพยานกว่า 200 ปาก และอาจจะต้องใช้เวลาอย่างน้อย 5 ปี จึงจะสืบพยานในชั้นศาลเสร็จ ส่วนสำนวนคดีขณะนี้ยังอยู่ระหว่างการพิจารณาของอัยการสูงสุด(อสส.) และคาดว่าจะสั่งคดีส่งสำนวนกลับมาฟ้องศาลจังหวัดนาทวีได้อย่างช้า ภายในสัปดาห์หน้า
ส่วนความผิดฐานฟอกเงินนั้น ปปง.กำลังตรวจสอบทรัพย์สินของผู้ต้องหารวมทั้งเครือข่ายใน จ.สงขลา สตูล และระนองที่ได้อายัดไว้มูลค่า 100 ล้านบาท เพื่อนำเข้าสู่กระบวนการยึดทรัพย์ให้ตกเป็นของแผ่นดิน ส่วนผู้ต้องหาที่ยังหลบหนีอีก 63 คนนั้น ได้ประสานไปยังตำรวจทั่วประเทศรวมทั้งด่านตรวจค้นเข้าเมืองทุกแห่ง เพื่อให้ช่วยติดตามจับกุม
ด้าน พล.อ.ธนะศักดิ์ ปฏิมาประกร รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวถึงรายงานการปฏิบัติด้านสิทธิมนุษยชนประจำปี 2557 ของกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐอเมริกา ที่จัดให้ไทยอยู่ใน บัญชีกลุ่มที่ 3 คือเป็นประเทศที่ดำเนินการไม่สอดคล้องกับมาตรฐานขั้นต่ำของกฎหมายสหรัฐ และไม่มีความพยายามแก้ไขปัญหา ซึ่งพล.อ.ธนะศักดิ์ กล่าวว่า เป็นรายงานที่มีการระบุถึงไทยทั้งในเชิงบวกและเชิงลบ แต่ส่วนใหญ่เป็นประเด็นเดิม ที่เกิดมาตั้งแต่ก่อนรัฐบาลนี้เข้าบริหารประเทศ โดยกระทรวงการต่างประเทศเสนอข้อเท็จจริงบ่อยครั้งกับทางสหรัฐ พร้อมทั้งเคยเชิญให้ผู้แทนสหรัฐมาเยี่ยมชมการปฏิบัติการของเจ้าหน้าที่ไทยในจุดที่มีข้อห่วงกังวลแล้ว แต่สหรัฐไม่ได้ตอบรับทั้งนำข้อมูลด้านเดียวจากสื่อ และองค์กรเอกชนต่างๆ ไปวิเคราะห์โดยไม่ได้ตรวจสอบข้อมูลซ้ำกับทางกระทรวงการต่างประเทศ อย่างไรก็ตาม กระทรวงการต่างประเทศ จะมีหนังสือถึงสถานเอกอัครราชทูตสหรัฐ ประจำประเทศไทยเพื่อแสดงความผิดหวังรายงานฉบับนี้ และยืนยันว่ารัฐบาลจะดำเนินการตามโรดแมป เพื่อสร้างประชาธิปไตยที่มีเสถียรภาพและความมั่นคง พร้อมตั้งข้อสังเกตกับประเทศที่เป็นผู้ประเมินด้วยความเป็นธรรมหรือไม่
นางสร้อยทิพย์ ไตรสุทธิ์ ปลัดกระทรวงคมนาคม เสนอรายละเอียดการปรับปรุงโครงสร้างกรมการบินพลเรือน ให้ พล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมพิจารณาแล้วเมื่อวานนี้ และเตรียมนำเสนอคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) พิจารณา เพื่อเสนอ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ใช้อำนาจมาตรา 44 ปรับเปลี่ยนกรมฯ ให้เป็น 4 ส่วน ตามคำแนะนำขององค์กรการบินพลเรือนระหว่างประเทศ (ไอซีเอโอ)
ด้าน นายประสงค์ พูนธเนศ ประธานคณะกรรมการ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ ทอท. กล่าวถึงกรณีที่ญี่ปุ่นตรวจพบอาวุธปืนของ พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง อดีตผู้บัญชาการตำรวจนครบาลนั้น ยืนยันว่าการตรวจกระเป๋าสัมภาระ และวัสดุอุปกรณ์ที่ใช้เป็นไปตามมาตรฐานของไอซีเอโอ และมาตรฐานสากลที่ใช้กันทั่วไปในทุกท่าอากาศยาน
ขณะที่นายนิตินัย ศิริสมรรถการ ผู้อำนวยการใหญ่ ทอท. กล่าวว่าการตรวจสอบทุกอย่างเป็นไปตามกระบวนการตรวจค้นผู้โดยสารสนามบิน และหากโหลดเข้าใต้ท้องเครื่องก็สามารถดำเนินการได้ เพราะผู้ก่อการร้ายไม่สามารถไปนำมีดที่อยู่ใต้ท้องเครื่องบินออกมาได้ ซึ่งเรื่องนี้ถือเป็นมาตรฐานที่ทั่วโลกใช้กัน
พล.อ.ธนะศักดิ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวว่า กระทรวงการต่างประเทศเร่งให้ความช่วยเหลือ พล.ต.ท.คำรณวิทย์ แต่ก็จะต้องยึดหลักกฎหมายของญี่ปุ่นด้วย
ส่วนพล.ต.ต. อภิชาติ สุริบุญญา ผู้บังคับการกองการต่างประเทศ (ผบก.ตท.) ยอมรับว่า สำนักงานตำรวจแห่งชาติไม่กล้าประเมินสถานการณ์ เพราะทุกประเทศมีอำนาจอธิปไตย การคาดการณ์ใดๆ อาจเป็นการแทรกแซงกระบวนการยุติธรรม อย่างไรก็ตาม หากผู้ต้องหารับสารภาพ ศาลอาจตัดสินว่าไม่มีเจตนากระทำความผิดและให้รอลงอาญา และอาจเดินทางออกนอกประเทศได้ตามดุลพินิจของศาล แต่ถ้าศาลบอกว่ามีการครอบครองจริงเป็นอาวุธปืนต้องห้ามมีโทษร้ายแรงแล้วตัดสินให้ถูกจำคุกนั้น เราต้องรอให้พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ได้รับโทษ 1 ใน 3 ของคำพิพากษาก่อนจึงจะสามารถร้องขอตัวกลับมารับโทษต่อในประเทศไทยได้ตามสนธิสัญญาการโอนตัวนักโทษที่รัฐบาลไทยมีกับรัฐบาลญี่ปุ่น
ข่าวใหญ่เมื่อคืนนี้ เป็นเหตุฆาตกรรมนายสมยศ สุธางค์กูร อายุ 62 ปีเจ้าพ่อคาเฟ่ชื่อดัง จุดเกิดเหตุบริเวณลานจอดรถร้านหูฉลาม ย่านสวนหลวง พื้นที่ สน.คลองตัน ซึ่งมีบาดแผลถูกยิงด้วยอาวุธปืนไม่ทราบขนาดเข้าที่บริเวณกลางศีรษะ 1 นัด โหนกแก้มขวา 1 นัด หัวไหล่ซ้าย 1 นัด และกลางหลัง 1 นัด เสียชีวิตข้างรถเบนซ์ รุ่นอี 200 สีดำ หมายเลขทะเบียน ฌร 3636 กทม. จอดติดเครื่องยนต์อยู่ โดยด้านท้ายฝั่งซ้ายมีร่องรอยถูกเฉี่ยวชนจนบุบ
ซึ่งจากการสอบสวนพยานระบุว่า ช่วงเย็นมีชาย 2 คนมาสอบถามว่าที่ร้านขายอะไรบ้าง และลานจอดรถอยู่ที่ไหน กับมีผู้เห็นชาย 2 คน ขับขี่รถจักรยานยนต์ไม่ทราบยี่ห้อ และหมายเลขทะเบียน เข้ามาบริเวณลานจอดรถ และพูดคุยกับพนักงานที่อยู่หลังร้านเรื่องราคาอาหาร จากนั้นก็รอจนผู้ตายและภรรยากินอาหารเสร็จออกมาที่รถ โดยภรรยานั่งฝั่งคนขับรอผู้ตาย ส่วนผู้ตายถูกยิงขณะที่เปิดประตูรถฝั่งซ้ายด้านข้างคนขับ
ด้านพล.ต.อ.เรืองศักดิ์ จริตเอก รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ กล่าวว่า ในเบื้องต้นนี้อาจเกิดจาก 3 สาเหตุคือ เรื่องการพนันวงเงิน 4ล้านบาท , การอ้างว่าสามารถประสานงานช่วยเหลือเรื่องคดีความได้ วงเงินคดีความ 25 ล้านบาท และความขัดแย้งกรณีพิพาท ที่ดิน พระราม 9 โดยเฉพาะประเด็นที่ 1 และประเด็นที่ 2 มีความเชื่อมโยงกัน คาดว่าเป็นกลุ่มเดียวกัน จนท.ตร.อยู่ระหว่างการสืบสวนหาเบาะแสเพิ่มเติม
ด้านสถานการณ์คลังของไทย นายกฤษฎา จีนะวิจารณะ ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) เปิดเผยถึงฐานะการคลังของรัฐบาลตามระบบกระแสเงินสดในช่วง 8 เดือนแรกของปีงบประมาณ 2558 (ต.ค.57-พ.ค.58) ว่า รัฐบาลมีรายได้นำส่งคลังทั้งสิ้น 1 ล้าน 2 แสน 8 หมื่นล้านบาท สูงกว่าช่วงเดียวกันปีก่อน 5 หมื่น 8 พัน 8 ร้อยล้านบาท หรือร้อยละ 4.8 เนื่องจากการจัดเก็บภาษีน้ำมันที่สูงกว่าช่วงเดียวกันปีก่อน การนำส่งสภาพคล่องส่วนเกินของกองทุนหมุนเวียนและการนำส่งรายได้จากการประมูลใช้คลื่นความถี่ 3G ความถี่ 2.1 GHz มีการเบิกจ่ายงบประมาณ 1 ล้าน 8 แสน 2 หมื่นล้านบาท สูงกว่าช่วงเดียวกันปีก่อน 9 หมื่น 5 พัน 7 ร้อยล้านบาท หรือร้อยละ 5.5 ทำให้ดุลเงินงบประมาณขาดดุล 5 แสน 4 หมื่น 1 พันล้านบาท เมื่อรวมกับดุลเงินนอกงบประมาณที่ขาดดุล 1 พัน 4 ร้อย 20 ล้านบาท ส่งผลให้รัฐบาลขาดดุลเงินสดรวม 5 แสน 4 หมื่น 2 พันล้านบาท โดยรัฐบาลได้กู้เงินเพื่อชดเชยการขาดดุล 1 แสน 8 หมื่น 1 พันล้านบาท ทำให้ดุลเงินสดหลังกู้ขาดดุลทั้งสิ้น 3 แสน 6 หมื่น 1 พันล้านบาท และเงินคงคลัง ณ สิ้นเดือนพฤษภาคม 2558 อยู่ที่ 1 แสน 3 หมื่น 4 พันล้านบาท
*-*