บรรดานักท่องเที่ยวชาวต่างชาติในตูนีเซียต่างหวาดผวา หลังเกิดเหตุการณ์โจมตีโรงแรมริมชายหาดในเมืองซูสซ์ เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา จนพากันทยอยเดินทางออกนอกประเทศตูนีเซีย เพราะวิตกในความไม่ปลอดภัย ทำให้บรรยากาศตามสนามบินคราคร่ำไปด้วยผู้โดยสารต่างชาติที่ขอเปลี่ยนตั๋วเดินทางกลับก่อนกำหนด แม้ว่านายกรัฐมนตรีฮาบิบ เอสซิด แห่งตูนีเซียจะประกาศเพิ่มมาตรการรักษาความปลอดภัยด้วยการจัดกำลังทหารกองหนุนเข้าประจำการรอบโบราณสถานและสถานที่พักตากอากาศต่างๆ รวมทั้งสั่งปิดมัสยิดจำนวน 80 แห่งที่อยู่นอกเหนือการควบคุมของรัฐบาลและเชื่อว่าเป็นสถานที่แพร่กระจายความเกลียดชัง พร้อมให้คำมั่นว่าจะดำเนินการปราบปรามกลุ่มเคลื่อนไหวที่ขัดต่อข้อบังคับในรัฐธรรมนูญ
ด้านกระทรวงสาธารณสุขตูนีเซียทยอยเปิดเผยสัญชาติของผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์โจมตีโรงแรม ซึ่งเป็นนักท่องเที่ยวชาวอังกฤษ 15 คน เบลเยียม 1 คน เยอรมัน 1 คน และไอริช 1 คน นอกจากนั้นยังเชื่อว่ามีชาวฝรั่งเศสและตูนีเซียที่ตกเป็นเหยื่อจากเหตุการณ์โจมตีครั้งนี้ด้วย
เหตุการณ์โจมตีเกิดขึ้นเมื่อวันศุกร์ หลังจากที่คนร้ายได้ใช้ปืนกราดยิงนักท่องเที่ยวที่กำลังนอนอาบแดดอยู่บนชายหาด และเข้าบุกเข้าไปกราดยิงภายในโรงแรมด้วย จนทำให้มีผู้เสียชีวิตถึง 38 คน และบาดเจ็บอย่างน้อย 36 คน หลังเกิดเหตุตำรวจได้ปะทะกับมือปืน และสามารถวิสามัญฆาตกรรมมือปืนได้ 1 คน โดยต่อมามีการระบุตัวว่าคือนายไซเฟดดีน เรซกุย ซึ่งเป็นนักศึกษาและไม่เคยเข้าข่ายการเฝ้าระวังของเจ้าหน้าที่มาก่อน ขณะที่กองกำลังรัฐอิสลาม หรือไอเอส ซึ่งอ้างความรับผิดชอบต่อเหตุโจมตีระบุว่า มือปืนคือนายอาบู ยาห์ยา อัลเกราวานี ด้านสื่อท้องถิ่นรายงานเพิ่มเติมว่า นอกจากคนร้ายที่ถูกยิงเสียชีวิตแล้ว ตำรวจสามารถจับกุมตัวผู้ต้องสงสัยในการก่อเหตุไว้ได้อีกคนหนึ่งด้วย
**9.45F17**