สถานีวิทยุ จส.100 ตรวจสอบเหตุชายเสียชีวิตภายในแมนชั่น ซ.สุขุมวิท 6 เหตุเกิดเมื่อเวลา 01.44น.(วันที่ 14 ก.พ.67) ผู้เสียชีวิตเป็นชาวเมียนมา ส่วนผู้ก่อเหตุ 2คนหลบหนี เป็นชาวต่างชาติ นำเงินจำนวนมากไปด้วย
03.00 น. เคลื่อนย้ายศพ ไป สน.ลุมพินี
07.30น.พ.ต.ท.เทอดศักดิ์ มนัสชน สว.สอบสวน สน.ลุมพินี เพิ่มเติมรายละเอียดว่าอยู่ระหว่างการสอบปากคำพยานเพิ่มเติม จากการตรวจสอบ ไม่มีอาวุธในที่เกิดเหตุ ลักษณะเป็นการทำร้ายเหมือนการชกต่อยกัน คนเสียชีวิตทำธุรกิจในไทย ส่วนคนก่อเหตุเบื้องต้นทำธุรกิจด้วยกัน ส่วนเรื่องเงินที่หายไปยังไม่ยืนยันอยู่ระหว่างการสอบสวนเพิ่มเติม
10.00น.พล.ต.ต.วิทวัฒน์ ชินคำ ผู้บังคับการตำรวจนครบาล 5 อยู่ระหว่างการประชุม
ก่อนหน้า ตำรวจ สน.ลุมพินี รับแจ้งเหตุชายชาวต่างชาติถูกทำร้ายเสียชีวิตในแมนชั่นแห่งหนึ่ง ซอยสุขุมวิท 4 เขตคลองเตย กทม. ตรวจสอบพร้อมเจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน (พฐ.) แพทย์นิติเวช รพ.จุฬาฯ และอาสาสมัครมูลนิธิร่วมกตัญญู จุดเกิดเหตุในห้องพักแห่งหนึ่ง ภายในห้องพบศพชายชาวต่างชาติ มีบาดแผลที่ปาก ใบหู และศีรษะมีเลือดไหลออกมาจำนวนมาก ทราบชื่อ นายคะยอ เซยา อายุ 53 ปี ชาวเมียนมา เจ้าหน้าที่จึงบันทึกรวบรวมที่เกิดเหตุไว้เป็นหลักฐาน สอบถามมารดาผู้เสียชีวิตให้การว่า ลูกชายตนทำธุรกิจรับแลกเงินตราต่างประเทศในประเทศไทย โดยร่วมธุรกิจกับ นายวิลเลียม และ นายจอห์น คนผิวสีชาวสกอตแลนด์ ต่อมาทั้ง 3 คนไปคุยธุรกิจกันบริเวณสถานที่แห่งหนึ่งย่านวัดพระยาไกร ก่อนเดินทางกลับมาที่ห้องพักที่เกิดเหตุ
จากนั้นชาวสกอตแลนด์ทั้งสองคนมีปากเสียงทะเลาะวิวาทกับผู้ตายอย่างรุนแรง จนเกิดการชกต่อยกัน ตนเข้าไปห้ามถูกทั้งสองคนต่อยที่ใบหน้าจนสลบ เมื่อตื่นมาอีกครั้งก็พบว่าลูกชายของตนเองเสียชีวิตแล้ว จึงรีบวิ่งลงไปแจ้งเจ้าหน้าที่ของแมนชั่นให้ช่วยติดต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจ ตรวจสอบทรัพย์สินภายในห้องพักพบว่าเงินสด 5 ล้านบาท สูญหายไป ส่วนสาเหตุการทะเลาะวิวาทในครั้งนี้พบว่า กลุ่มของผู้ก่อเหตุกับผู้ตายได้ทำการพูดคุยตกลงซื้อขายเงินดำ โดยมีการสั่งซื้อผงละลายสีเงินดำและตู้เซฟเพื่อใช้ในกรรมวิธีดังกล่าว แต่คาดว่าผู้ตายอาจเอะใจว่าอาจจะถูกหลอกจึงขอเงินคืนแต่กลุ่มคนร้ายไม่ยอมนำเงินกลับมาคืนได้จึงเกิดเหตุดังกล่าว
เบื้องต้นตำรวจ สน.ลุมพินี และเจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน พบว่าผู้เสียชีวิตถูกทำร้ายจากการกระแทกกับของแข็งแต่ไม่พบอาวุธในที่เกิดเหตุ จึงคาดว่าอาจเป็นการนำศีรษะกระแทกพื้นซึ่งต้องรอการตรวจสอบที่เกิดเหตุอย่างละเอียดประกอบกับผลการชันสูตรศพของผู้ตายอีกครั้ง
นอกจากนี้ยังได้ยึดกระเป๋าเดินทางปริศนาที่ตกอยู่ภายในห้อง พร้อมกับตู้เซฟที่ผู้ตายและผู้ก่อเหตุซื้อมาเก็บไว้ และตรวจสอบภาพจากกล้องวงจรปิดเพื่อติดตามกลุ่มผู้ก่อเหตุทั้งสองคนมาดำเนินคดี พร้อมประสานเจ้าหน้าที่สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง (ตม.) ให้ช่วยสกัดการเดินทางตามสนามบินและด่านตรวจต่างๆ เพื่อนำตัวมาสอบปากคำดำเนินคดีต่อไป
#ทำร้ายชาวเมียนมา
CR:ขอบคุณภาพมูลนิธิร่วมกตัญญู