นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทย พร้อมด้วยนายภูมิธรรม เวชยชัย รองหัวหน้าพรรค และนายประเสริฐ จันทรรวงทอง เลขาธิการพรรค แถลงข่าวร่วมกับนายวราวุธ ศิลปอาชา หัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา,นายประภัตร โพธสุธน เลขาธิการพรรค และนายนิกร จำนง ผู้อำนวยการพรรคชาติไทยพัฒนา แถลงจับมือร่วมกันจัดตั้งรัฐบาล ทำให้ขณะนี้มี 9 พรรค 238 เสียง
โดยนายวราวุธ ระบุว่า ขอบคุณพรรคเพื่อไทย ที่ส่งไมตรีจิต ส่งเทียบเชิญมายังพรรคชาติไทยพัฒนา ซึ่งแสดงให้เห็นว่าพรรคเพื่อไทยและชาติไทยพัฒนา มีแนวคิด มีทัศนคติ และมีนโยบายการทำงานไปในทิศทางเดียวกัน สามารถทำงานด้วยกันได้ และเป็นผลดีกับประเทศที่สุด จึงยินดีตอบรับคำเชิญเข้าร่วมเป็นพรรคร่วมรัฐบาล และเชื่อมั่นในศักยภาพของพรรคเพื่อไทย ในการเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล เพื่อสร้างความมั่นคง เดินหน้าแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจและอีกหลายเรื่องในอนาคต
ส่วนกรณีที่พรรคเพื่อไทย ไปพูดคุยกับพรรคก้าวไกลเมื่อวานนี้ มองว่าเป็นหน้าที่ของทุกพรรคในการหาเสียงสนับสนุน พรรคชาติไทยพัฒนาเอง เมื่อเข้ามาร่วมจัดตั้งรัฐบาลแล้ว ก็มีหน้าที่จะช่วยรวบรวมเสียงสนับสนุน เพื่อโหวตนายกฯ และจัดตั้งรัฐบาลให้ได้ ดังนั้นมองว่าไม่น่ามีปัญหาอะไร
ด้าน นพ.ชลน่าน ระบุว่า ต้องขอบคุณที่พรรคชาติไทยพัฒนา ตอบตกลงมาร่วมจัดตั้งรัฐบาล เพื่อร่วมแก้ปัญหาวิกฤตของประเทศ 3 ข้อ คือ วิกฤตรัฐธรรมนูญ,วิกฤตด้านเศรษฐกิจ ปัญหาปากท้องของประชาชน และวิกฤตความขัดแย้งแบ่งฝักแบ่งฝ่ายในสังคม พรรคเพื่อไทยและชาติไทยพัฒนา จะจับมือกันแก้ปัญหา โดยการมีส่วนร่วมของทุกคน ทุกกลุ่ม ทุกพรรค ทุกฝ่าย ทั้ง สส.จากพรรคต่างๆ และสว. เพื่อเลือกนายกฯ และจัดตั้งรัฐบาลให้สำเร็จ สามารถบริหารประเทศ การจัดตั้งรัฐบาลได้เร็วเท่าไหร่ก็จะแก้ปัญหาให้ประชาชนได้เร็วเท่านั้น และยืนยันว่า จะทำงานการเมืองอย่างสร้างสรรค์ ดังนั้นจึงจำเป็นต้องสลายขั้วการเมือง เลิกการแบ่งฝักแบ่งฝ่าย ดึงความร่วมมือจากทุกพรรคทุกฝ่าย เพื่อนำรัฐธรรมนูญออกจากวิกฤต ดึงประชาชนให้พ้นทุกข์ และเพื่อสร้างความสามัคคี
พร้อมกับวิงวอนประชาชนให้มั่นใจในพรรคเพื่อไทย และพรรคต่างๆ ที่มาร่วมจัดตั้งรัฐบาล ขอแรงใจในการสนับสนุนจัดตั้งรัฐบาล เพื่อร่วมกันฝ่าวิกฤตเดินหน้าต่อไปได้ และเกิดประโยชน์สูงสุดต่อประชาชน พรรคเพื่อไทยหวังจะเห็นความสามัคคีของทุกฝ่ายในประเทศ เพื่อให้สังคมไทยกลับคืนสู่สถานการณ์ปกติโดยเร็ววัน
ส่วนที่ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย และแกนนำพรรคเพื่อไทย เดินทางไปพูดคุยกับแกนนำพรรคก้าวไกลเมื่อวานนี้ เป็นการไปพูดคุยเพื่อถามถึงความเป็นไปได้ ที่พรรคก้าวไกลจะลงคะแนนโหวตนายกฯ ของพรรคเพื่อไทย ไม่ใช่การไปเชิญมาร่วมรัฐบาล และไม่มีพันธสัญญาที่จะเชิญมาร่วมในภายหลัง ที่ สว.บางคนกังวลว่า อาจจะมีการเชิญพรรคก้าวไกลมาร่วมรัฐบาลในภายหลังนั้น ต้องชี้แจงว่า ที่ผ่านมา เพื่อไทยพยายามจัดตั้งรัฐบาลร่วมกับพรรคก้าวไกล แต่ไม่ประสบผลสำเร็จ ไม่ได้รับการสนับสนุนจากสมาชิกรัฐสภา จากนั้นเพื่อไทยได้รับการส่งมอบหน้าที่จากพรรคก้าวไกล ให้มาเป็นแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาลตามเอ็มโอยู 8 พรรคเดิม ซึ่งเพื่อไทยพยายามอย่างถึงที่สุดแล้ว ในการหาความร่วมมือจากทุกพรรค ทุกฝ่าย และสว. ด้วยการสอบถามความคิดเห็นจากทุกพรรคการเมือง และ สว.อย่างเปิดเผย เพื่อให้ได้คำตอบอย่างเปิดเผยว่า ทำไมสมาชิกรัฐสภาถึงไม่ลงคะแนนให้พรรคก้าวไกล ซึ่งคำตอบชัดเจนว่า ไม่ว่าจะมีการแก้ไขมาตรา 112 หรือไม่ แต่มี 4 พรรคการเมืองที่ตอบชัดว่า ไม่สามารถร่วมรัฐบาลที่มีพรรคก้าวไกลได้ มีแค่ 1 พรรค ที่บอกว่า หากไม่แก้มาตรา 112 ก็สามารถร่วมรัฐบาลได้ นี่คือคำตอบที่ชัดเจน พรรคเพื่อไทยจำเป็นต้องหาคะแนนเพิ่ม จำยอมต้องทำและเลือกแนวทางที่ให้ประเทศเดินหน้าไปได้ ยืนยันว่าพรรคเพื่อไทยไม่ได้เกลียดก้าวไกล และไม่ปฏิเสธเสียงของประชาชน แต่ในสถานการณ์แบบนี้ หากไม่ทำอะไรเลย ก็เท่ากับปฏิเสธความรับผิดชอบต่อประชาชน และการแสวงหาเสียงสนับสนุน ก็เป็นสิทธิอันชอบธรรมตามกฎหมาย
ด้านนายภูมิธรรม ย้ำว่า การไปพบปะพูดคุยกับพรรคก้าวไกลเมื่อวาน ไม่ใช่เรื่องผิดปกติ ไม่ใช่การเชิญร่วมรัฐบาล และหลังจากนี้ก็จะไม่มีการเชิญพรรคก้าวไกลร่วมรัฐบาล เพราะพรรคก้าวไกลจะไปเป็นฝ่ายค้าน ร่วมทำงานการเมืองที่สร้างสรรค์ รวมทั้งพรรคเพื่อไทยได้ยืนยันกับพรรคก้าวไกลไปแล้วว่า อะไรที่เป็นประโยชน์กับประชาชน พรรคเพื่อไทยสามารถทำได้ทุกเรือง ยกเว้นการแก้ไขมาตรา 112 และเรื่องที่เกี่ยวข้องกับสถาบันหลักของประเทศ ซึ่งจากจุดยืนนี้ จึงไม่เชื่อว่า สส. สว. หรือกลุ่มองค์กรต่างๆ ที่จะขอความร่วมมือ จะมีปัญหา และเพื่อไทยจัดตั้งรัฐบาลในมิติใหม่ ไม่ได้เอาผลประโยชน์ของพรรคการเมืองเป็นที่ตั้งแล้วมาแบ่งแยกครองกระทรวง สิ่งที่พรรคเพื่อไทยต้องการอันดับแรก คือ การแก้ไขวิกฤตของประเทศ จึงขอให้ไว้วางใจพรรคเพื่อไทยและแคนดิเดตนายกฯ ของพรรค ดังนั้นพรรคต่างๆที่มาร่วม ก็ให้ความไว้วางใจและเชื่อมั่นว่า เพื่อไทยมีศักยภาพพอที่จะช่วยกันแก้ไขปัญหาวิกฤตของประเทศ
นายภูมิธรรม ระบุว่า พรรคประชาธิปัตย์ พรรครวมไทยสร้างชาติ และพรรคพลังประชารัฐ ก็มีการพูดคุยเพื่อถามความเป็นไปได้ในการขอคะแนนโหวตนายกฯ เช่นเดียวกับที่ไปพูดคุยกับพรรคก้าวไกล หรือ สว. โดยเป็นการพูดคุยถึงสถานการณ์พิเศษ เจตจำนงของพรรคเพื่อไทย และไม่ได้คาดคั้นเอาคำตอบ ให้สิทธิแต่ละพรรคในการคิดไตร่ตรอง พรรคไหนพร้อมก็จะเปิดทีละพรรค แต่หากพรรคไหนยังไม่พร้อมให้คำตอบ ก็ไปดูในวันโหวตนายกฯ ซึ่งยืนยันว่า ขณะนี้มีเสียงเกินกึ่งหนึ่งแล้ว ก่อนถึงวันโหวต จะมีเสียงให้เห็นว่า จะมีเสียงโหวตให้เพื่อไทยแบบม้วนเดียวจบได้
นพ.ชลน่าน ระบุว่า การตั้งรัฐบาลที่มีเสถียรภาพ คือต้องมีเสียงข้างมากเกินกึ่งหนึ่ง ส่วนจะเป็นเสียงข้างมากเด็ดขาดถึง 300 เสียงหรือไม่ อยู่ในขั้นตอนที่กำลังทำงาน ซึ่งพรรคเพื่อไทยมีข้อจำกัดในทางเลือกมาก จึงพยายามเสนอทางเลือกที่ดีที่สุด บนพื้นฐานความเป็นไปได้ หากเป็นไปไม่ได้ก็ต้องเลือกทางเลือกต่อมา เพราะเชื่อว่า หากจัดตั้งรัฐบาลได้ และทำงานให้ประชาชนได้ ผลการทำงานนั้นจะเป็นเครื่องพิสูจน์รัฐบาลพรรคเพื่อไทย
ส่วนที่ประชาชนบางกลุ่มมีความคิดเห็นแตกต่างนั้น นพ.ชลน่าน ระบุว่า เมื่อเป็นผู้แทนประชาชน ก็ต้องรับฟังความคิดเห็นของประชาชน อะไรที่เป็นประโยชน์ก็นำมาปรับใช้ อะไรที่ไม่เป็นประโยชน์ ฟังแล้วก็ผ่านไป เพราะไปปิดกั้นการแสดงความคิดเห็นของประชาชนไม่ได้ ขณะที่นายภูมิธรรม ระบุว่า เราปฏิเสธความคิดเห็นที่แตกต่างไม่ได้ และมีหน้าที่ทำงาน พิสูจน์ความจริงใจ และสลายความแตกแยก การทำงานของเพื่อไทยจะเป็นบทสรุปของอนาคต และพร้อมรับผิดชอบกับสิ่งที่ทำ
ส่วนกรณี ส.ส.พรรคก้าวไกล สำรวจความเห็นในเฟซบุ๊ก ว่าอยากให้โหวตนายกฯ เพื่อไทยหรือไม่ นพ.ชลน่าน กล่าวว่า ก็เป็นช่องทางที่ดี แต่การรับฟังความเห็นเพียงส่วนใดส่วนหนึ่งมาใช้ประกอบการตัดสิน ก็ต้องคำนึง เพราะประชาชนไทย มี 67 ล้านคน แต่ละพรรคก็มีผู้สนับสนุของตนเอง และเชื่อว่ามีคนอีกกลุ่มที่จะพิจารณาและตัดสินในอนาคต ก็มีและเชื่อว่ามาก กลุ่มผู้สนับสนุนพรรคการเมืองก็เป็นเสียงส่วนหนึ่งไม่เกิน 30% ถ้าพรรคก้าวไกลมีข้อเสนอจากประชาชนอย่างไร ก็ยินดีรับฟัง ก็ตอบมาว่าไม่สามารถที่จะสนับสนุนได้ เราจะใช้แนวทางที่เรามี ทางเลือกอื่นๆ ในการทำงานต่อไป อย่าไปพูดทำนองว่าพรรคเพื่อไทยไปเล่นละคร เพื่อเอามาเป็นข้ออ้างในการร่วมกับพรรคการเมืองอื่น แต่สิ่งที่เพื่อไทยทำ เราทำในความเป็นจริง บนพื้นฐานข้อเสนอแนะไม่ว่าจะนักวิชาการ คนที่อยู่ในวงการการเมืองเสนอให้เรา เราทำทุกช่องทาง ถ้าเราไม่ทำเราจะถูกตำหนิ ถ้าทำแล้วได้ผลไม่ได้ผลอย่างไร ก็ใช้ประกอบการตัดสินใจในการที่จะเดินหน้าในการที่จะจัดตั้งรัฐบาล
#จัดตั้งรัฐบาล
#เพื่อไทย
#ชาติไทยพัฒนา