สำนักข่าวต่างประเทศ รายงานว่า ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ของสหรัฐฯ ลงนามในคำสั่งประธานาธิบดีห้ามภาคเอกชนสหรัฐฯถ่ายโอนเทคโนโลยีที่มีความอ่อนไหวสูงให้แก่จีน เพื่อป้องกันการนำเทคโนโลยีของสหรัฐฯไปพัฒนากองทัพจีน ซึ่งจะเป็นภัยคุกคามความมั่นคงของสหรัฐฯ และคัดกรองการลงทุนด้านเทคโนโลยีที่ละเอียดอ่อนในจีน อนุญาตให้รัฐมนตรีกระทรวงการคลังของสหรัฐฯ ห้ามหรือจำกัดการลงทุนบางอย่างของสหรัฐฯ ในหน่วยงานของจีนใน 3 ภาคส่วน ได้แก่ อุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์, เทคโนโลยีสารสนเทศควอนตัม และปัญญาประดิษฐ์ (AI) โดยการลงทุนดังกล่าวจะต้องผ่านการอนุมัติจากรัฐบาลสหรัฐฯ รายงานระบุว่า น่าจะมีผลในปีหน้า
เดอะวอชิงตันโพสต์ ระบุว่า หลิว เผิงหยู่ โฆษกสถานเอกอัครราชทูตจีน ระบุในถ้อยแถลงว่า สหรัฐฯ มักจะทำให้ประเด็นเทคโนโลยีและการค้ากลายเป็นเรื่องการเมือง จีน จะติดตามการพัฒนาอย่างใกล้ชิดและรักษาสิทธิและผลประโยชน์ของเรา
ในช่วงนี้ ทั้งประธานาธิบดีไบเดน และ นายหวัง อี้ เจ้าหน้าที่ระดับสูงสุดด้านการต่างประเทศของจีน เดินทางเยือนหลายประเทศในอาเซียน
ตั้งแต่วันนี้ (10 ส.ค.66) ถึงวันที่ 13 ส.ค.66 นายหวัง อี้ จะเดินทางเยือนสิงคโปร์ มาเลเซีย และกัมพูชา นางเหมา หนิง โฆษกกระทรวงการต่างประเทศจีน กล่าวว่า เป็นการเดินทางเยือนตามคำเชิญของรัฐมนตรีต่างประเทศของทั้งสามประเทศ หวังว่าการเดินทางดังกล่าวจะช่วยกระชับความสัมพันธ์ของทั้งสองฝ่าย
ขณะที่ ประธานาธิบดีไบเดน เปิดเผยเมื่อวานนี้ (8 ส.ค.66) ว่าจะเดินทางไปเยือนเวียดนามในเร็วๆนี้ เพื่อกระชับความสัมพันธ์กับเวียดนามและพยายามคานอำนาจและอิทธิพลของจีนในภูมิภาคนี้ และเวียดนามต้องการพัฒนาความสัมพันธ์กับสหรัฐฯให้ดีขึ้น
รายงานระบุว่า กำหนดการบินไปเวียดนามของประธานาธิบดีไบเดน ยังไม่แน่นอน เนื่องจากเขามีกำหนดบินไปอินเดีย ในเดือนก.ย.66 เพื่อร่วมประชุมสุดยอด G20
เจ้าหน้าที่สหรัฐฯ ระบุว่า เวียดนามเป็นหนึ่งในประเทศในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่เติบโตอย่างรวดเร็ว สหรัฐฯจำเป็นต้องกระชับความสัมพันธ์กับเวียดนาม เพื่อพัฒนาภูมิภาคอินโดแปซิฟิกให้มีความเสรีและเปิดกว้าง เพื่อคานอำนาจและอิทธิพลจากจีนที่เพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ
เวียดนามเป็นสมาชิกของกรอบความร่วมมือเศรษฐกิจอินโด-แปซิฟิก (IPEF) ซึ่งริเริ่มโดยประธานาธิบดีไบเดน เมื่อปีที่แล้ว สมาชิกของ IPEF บางส่วนได้แก่ ออสเตรเลีย อินเดีย อินโดนีเซีย ญี่ปุ่น สิงคโปร์ และเกาหลีใต้ คิดเป็นสัดส่วนประมาณ 40% ของ GDP ทั่วโลก
#สหรัฐฯ
#จำกัดการลงทุนด้านเทคโนโลยี
แฟ้มภาพ
CR:Reuters,Washingtonpost