นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงตำแหน่งผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร ซึ่งรัฐธรรมนูญห้ามไม่ให้มีสมาชิกพรรคเป็นรัฐมนตรี ประธานสภาและรองประธานสภา ในส่วนของพรรคก้าวไกล แม้ว่านายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคและแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคก้าวไกล จะถูกหยุดปฎิบัติหน้าที่ แต่ยังไม่ถือว่าพรรคก้าวไกลเป็นฝ่ายค้าน จึงยังแต่งตั้งไม่ได้ จึงต้องรอดูว่า พรรคไหนเป็นพรรคร่วมรัฐบาลบ้าง เนื่องจากผู้นำฝ่ายค้านต้องมาจากพรรคที่ไม่ได้ร่วมรัฐบาล และต้องเป็นพรรคที่ใหญ่ที่สุดในฝ่ายค้าน
กรณีนายปดิพัทธ์ สันติภาดา สส.พิษณุโลก พรรคก้าวไกล เป็นรองประธานสภา คนที่ 1 ทำให้พรรคก้าวไกลเป็นผู้นำฝ่ายค้านไม่ได้ เนื่องจากแย้งกับรัฐธรรมนูญ นายวิษณุ กล่าวว่า ถ้าจะเป็นผู้นำฝ่ายค้าน ก็ต้องลาออกจากรองประธานสภา และหากนายพิธาต้องหลุดจาก สส. พรรคก้าวไกลต้องเปลี่ยนหัวหน้าพรรคด้วย
ส่วนการที่ยังไม่สามารถตั้งรัฐบาลได้ ทำให้หลายฝ่ายกังวลเรื่องปีงบประมาณที่จะล่าช้าออกไป นายวิษณุ กล่าวว่า ก็น่ากังวล ปกติในช่วงนี้งบประมาณปี 67 จะเข้าสภา แต่การที่ยังไม่มีรัฐบาลใหม่ ทำให้ไม่มีคนมาทำงบประมาณ และกว่าจะมีรัฐบาลใหม่เข้ามา สมมติได้รัฐบาลในเดือน ก.ย. กว่าจะทำงบประมาณได้ ต้องแถลงนโยบายให้เสร็จก่อน อาจอยู่ในช่วงปลาย ก.ย.หรือต้น ต.ค. ต้องใช้เวลาอีก 1 เดือนทำงบประมาณ ทำให้งบประมาณ ปี 67 จะเข้าสภาประมาณ เดือน พ.ย. – ธ.ค. แล้วต้องใช้เวลาอยู่ในสภาอีก 3 เดือน จังหวะนั้นจะพอดีกับการทำงบประมาณในปี 68 ทำให้งบประมาณ 2 ปีซ้อนกัน ส่วนจะเกิดความเสียหายมากน้อยแค่ไหน ต้องให้ภาคเอกชนเป็นผู้ประเมิน
#จัดตั้งรัฐบาล
#ผู้นำฝ่ายค้าน
#พรรคก้าวไกล
#รองประธานสภาคนที่หนึ่ง