'อ.ธรณ์' ชี้ต้องหาที่มาให้ได้ หลังเจอเต่า 2 ตัวแล้วถูกคราบน้ำมัน ทะเลภูเก็ต

07 สิงหาคม 2566, 09:00น.


           ผศ.ดร.ธรณ์ ธำรงนาวาสวัสดิ์ นักวิชาการด้านทะเลและสิ่งแวดล้อม อาจารย์ประจำภาควิชาวิทยาศาสตร์ทางทะเล คณะประมง มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์  โพสต์ข้อมูลผ่านทางเฟซบุ๊ก Thon Thamrongnawasawat ระบุว่า "คราบน้ำมันเข้าที่ภูเก็ต เต่าโดนน้ำมันเท่าที่ทราบตอนนี้ 2 ตัวแล้วครับ



         ลูกเต่าตัวแรกที่เป็นข่าว เจอที่หาดภูเก็ต ส่งให้โรงพยาบาลสัตว์ทะเลหายาก กรมทะเล เช็ดจนตัวสะอาดแล้วติดตามอาการต่อ



         เต่าตัวสองเจอที่เกาะราชา เมื่อเช้า เพื่อนธรณ์ แจ้งมา เนื่องจาก อยู่ห่างฝั่ง จึงปฐมพยาบาลเบื้องต้นด้วยการเช็ดด้วยน้ำมันพืชและน้ำยาทำความสะอาดสัตว์ที่ปลอดภัย



          จุดบอบบางคือนัยน์ตา ต้องระวังเป็นอย่างมาก ตอนนี้ส่งน้องเต่าไปโรงพยาบาลภูเก็ตแล้ว หวังว่าคงปลอดภัยครับ





 



          สิ่งหนึ่งที่ภูมิใจคือช่วยกับพี่น้องกรมทะเลในเรื่องสัตว์หายากมาตลอด 10 ปี น้องเต่ามีรถพยาบาลสัตว์หายากมารับ คุณหมอพร้อมรับมือ



          ในเรื่องการดูแล เราพัฒนามาไกลในช่วง 10 ปี ขอบคุณทุกท่านที่ช่วยกันมาตลอด



           คำแนะนำ คือ เมื่อเจอเต่าเปื้อนคราบน้ำมัน ติดต่อคุณหมอตามโรงพยาบาลสัตว์ทะเลหายาก กรมทะเล (มีหลายแห่ง) หรือเจ้าหน้าที่กรมทะเลให้ช่วยประสาน การรักษาเบื้องต้นควรปรึกษาคุณหมอเท่านั้น เพราะเป็นเรื่องที่ต้องระมัดระวังอย่างมาก



           ตอนนี้คราบน้ำมันลอยไปตามชายฝั่งตะวันตก เข้าหลายหาด บางส่วนไปที่เกาะราชา หวังว่าคงไม่มีน้องเต่าตัวต่อไป หากเพื่อนธรณ์ไปแถวนั้น ช่วยกันเป็นหูเป็นตาด้วย เจอรีบแจ้งกรมทะเลครับ



           ทั้งหมดนั้นเป็นปลายเหตุ ต้นเหตุคือทำอย่างไรให้ไม่มีคราบน้ำมัน ตรวจการณ์/ป้องกัน/จับกุมอย่างไร เพราะนอกจากสัตว์หายาก ยังรวมถึงแนวปะการังมากมายแถวนั้น ชายหาดที่โด่งดังไปทั่วโลก ความสูญเสียเกิดทั้งระบบนิเวศ สัตว์หายาก และเศรษฐกิจท่องเที่ยว



           ตอนนี้เท่าที่ทราบ เรากำลังเช็คเรือที่ผ่านไปมาแถวนั้น อีกทั้งนำน้ำมันไปวิเคราะห์ อาจเป็นดีเซลหรือน้ำมันเครื่อง



           เมื่อไม่มีข่าวเรือเกิดอุบัติเหตุ เป็นไปได้ว่าอาจแอบทิ้ง ซึ่งนั่นเป็นสาเหตุหลักของคราบน้ำมันในไทย อีกทั้งจัดการยากเย็น เพราะบางครั้งทิ้งไหลแต่คลื่นลมพัดเข้ามา เช่นช่วงมรสุมอันดามันในตอนนี้ จะยังไงก็แล้วแต่ เราก็ต้องพยายามทำอะไรให้ได้ดีกว่านี้



          จะให้กรมเจ้าท่าทำเพียงลำพังคงไม่ไหว อีกหลายหน่วยงานต้องช่วยกัน ในส่วนของกรมทะเล ทีมคุณหมอพร้อม หากมีอะไรต้องเสริม เราจะหาทางต่อไป



          ผมเป็นประธานคณะสัตว์ทะเลหายาก ยังเป็นผู้ทรงคุณวุฒิ คณะกรรมการ กจน. (กำจัดมลพิษทางน้ำเนื่องจากน้ำมัน/เคมีภัณฑ์) จะพยายามเท่าที่ทำได้ แต่ถึงตอนนี้ ยังไม่ได้ประชุมเลย เพราะมีนายกรัฐมนตรีหรือรองหรือรมต. เป็นประธาน ต้องรอความชัดเจน



           ตอนนี้ที่ทำได้คือแจ้งเพื่อนธรณ์ให้ช่วยดู พยายามสนับสนุนคุณหมอกรมทะเลและอื่นๆ ติดตามสถานการณ์ระบบนิเวศที่หลายหน่วยงานคงช่วยกัน สักวันคงมีโอกาสได้หาทางเสนอยกเครื่องระบบของเราบ้าง เช่น การบูรณาการร่วมกัน การใช้อุปกรณ์/เทคโนโลยีเฝ้าระวัง การลาดตระเวนชายฝั่งเป็นประจำ การตามหาผู้กระทำผิดให้สำเร็จสักครั้ง ฯลฯ



           สิ่งสำคัญอีกประการคือฝั่งอันดามันแทบไม่มีอุปกรณ์รับมือ เพราะกิจการพลังงาน/โลจิสติกส์ทางทะเลของเราอยู่ในฝั่งอ่าวไทย เราต้องหาทางออกในเรื่องนี้ แม้ไม่สามารถออกพรวดในทันที แต่อย่างน้อยก็เห็นทางไปประตูบ้าง เพราะเราคงไม่สามารถมาตามเช็ดเต่าได้ทีละตัวไปเรื่อยๆครับ"



          ก่อนหน้านี้ กรมทรัพยากรธรณีและชายฝั่ง ระบุว่า เจ้าหน้าที่ศูนย์ช่วยชีวิตสัตว์ทะเลหายากสิรีธาร สังกัดศูนย์วิจัยทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งทะเลอันดามันตอนบน(ศวอบ.) ได้รับแจ้งจากเจ้าหน้าที่โรงแรมเดอะ ราชา ภูเก็ต ว่าพบเต่าทะเลเกยตื้นมีชีวิต ติดคราบน้ำมัน บริเวณเกาะราชาใหญ่ ตำบลราไวย์ อำเภอเมือง จังหวัดภูเก็ต จึงติดต่อประสานไปยังผู้แจ้ง เบื้องต้น ให้เช็ดคราบน้ำมันภายนอกออกก่อน และส่งเต่าทะเลเกยตื้นให้เจ้าหน้าที่ ศวอบ. เพื่อช่วยเหลือและตรวจสอบ



         จากการตรวจสอบเต่าเกยตื้นดังกล่าว พบเป็นเต่าตนุ (Chelonia mydas) อยู่ในช่วงวัยเด็ก ความยาวกระดอง 14 เซนติเมตร ความกว้างกระดอง 12 เซนติเมตร น้ำหนัก 100 กรัม มีสภาพอ่อนแรงมาก ความสมบูรณ์ของร่างกายอยู่ในระดับผอม มีภาวะแห้งน้ำรุนแรง ภายนอกพบคราบน้ำมันปกคลุมทั้งร่างกายรวมถึงในช่องปาก จึงได้เคลื่อนย้ายมายังศูนย์ช่วยชีวิตสัตว์ทะเลหายากสิรีธาร โดยขจัดคราบน้ำมันที่ปกคลุมทั่วร่างกายและในช่องปากออก รวมทั้งตรวจวินิจฉัยเพื่อพิจารณาแผนรักษาต่อไป



#คราบน้ำมัน



#เต่าน้อย



CR:ขอบคุณข้อมูล-ภาพ Thon Thamrongnawasawat,กรมทรัพยากรธรณีและชายฝั่ง



 

ข่าวทั้งหมด

X