วันนี้ (30 ส.ค.66) นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร พร้อมด้วยนายวิศณุ ทรัพย์สมพล รองผู้ว่าฯ กทม. และนายสุรัช ติระกุล ผู้อำนวยการสำนักงานควบคุมอาคาร แถลงแนวทางการแก้ปัญหาของคอนโดมิเนียมโครงการแอชตัน อโศก
โดยนายวิศณุ ระบุว่า การพิจารณาออกใบอนุญาตก่อสร้าง กทม.จะพิจารณาตามกฎกระทรวงควบคุมอาคาร โดยการยื่นแจ้งก่อสร้างครั้งแรก เกิดขึ้นเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ ปี 2558 แต่ กทม.มีข้อทักท้วงเรื่องแบบแปลนไป จากนั้นทางโครงการได้ยื่นแจ้งดัดแปลงมาอีก 3 ครั้ง ระหว่างปี 2558 – 2560 ซึ่ง กทม.ก็ได้แจ้งข้อทักท้วงเรื่องแบบแปลนและเรื่องที่ดินทางเข้าออกของ รฟม.ไปทั้ง 3 ครั้ง และระหว่างนั้นมีผู้ฟ้องร้องคดีเกิดขึ้น และเมื่อสร้างเสร็จ ก็มีการยื่นขอเปิดอาคารในปี 2560 ทาง กทม.ก็ทักท้วงไปอีกครั้ง เพราะมีคดีฟ้องร้องเรื่องทางเข้าออกที่ไม่เป็นไปตามที่กฎหมายกำหนด ทางโครงการได้ยื่นอุทธรณ์ไปที่คณะกรรมการควบคุมอาคาร ซึ่งคณะกรรมการฯ พิจารณาว่า กทม.ควรออกใบอนุญาตให้ สำนักการโยธา กทม.จึงออกใบอนุญาตให้แบบมีเงื่อนไขว่า ที่ดินที่ตั้งโครงการ อยู่ระหว่างการพิจารณาของศาลปกครองกลาง ที่มีผู้ฟ้องคดีกรณีโครงการใช้ที่ดินของ รฟม. หากศาลมีคำสั่งพิพากษาเป็นที่สิ้นสุด แล้วผลการพิพากษาชี้ว่าอาคารโครงการขัดต่อกฎหมาย ผู้ได้รับใบรับรองจะต้องรับผิดชอบความเสียหายที่เกิดขึ้นทั้งหมด รวมทั้งต้องแก้ไขอาคารให้ถูกต้องตามกฎหมายควบคุมอาคารด้วย
ด้านนายชัชชาติ ระบุว่า กทม.จะปฎิบัติตามคำสั่งศาล และตาม พ.ร.บ.ควบคุมอาคาร พ.ศ.2522 มาตรา 41 ระบุว่า สามารถแก้ไขปรับเปลี่ยนอาคารให้ถูกต้องตามกฎหมายได้ และให้เวลาในการยื่นขอใบอนุญาตใหม่ให้ถูกต้อง ภายใน 30 วัน โดยในวันพรุ่งนี้ (4 ส.ค.66) กทม.จะส่งหนังสือเพิกถอนใบรับแจ้งอนุญาตก่อสร้างโครงการ ให้สำนักงานเขตวัฒนา และแจ้งไปยังบริษัท อนันดา เอ็มเอฟ เอเชีย อโศก จำกัด ตามคำสั่งศาลปกครอง จากนั้นให้ทางบริษัทยื่นขอใบอนุญาตก่อสร้างใหม่ แต่หากทางบริษัทไม่สามารถส่งหนังสือแจ้งยื่นขอใบอนุญาตก่อสร้างใหม่ได้ทัน ก็สามารถขยายเวลาเป็น 120 วันได้ พร้อมกับแจ้งรายละเอียดการขอขยายเวลา
ส่วนลูกบ้านของโครงการ ยังสามารถพักอาศัยและใช้ชีวิตได้ตามปกติ รวมทั้งใช้ทางออกเดิมได้ ซึ่งถ้ามอบจากคำตัดสินของศาล ศาลเพียงต้องการให้ตีความเจตนารมณ์ของกฎกหมายที่บัญญัติไว้ว่าให้การขออนุญาตก่อสร้างถูกต้อง ไม่เกี่ยวข้องกับการเพิกถอนการใช้ทางออก และไม่เกี่ยวข้องกับเรื่องความปลอดภัย เพราะอาคารไม่มีความเสี่ยงเรื่องตึกถล่ม และรถดับเพลิงก็ยังสามารถใช้ทางเข้าออกได้
ขณะเดียวกัน กทม.เสนอแนวทางให้เปิดพื้นที่ทางออกของโครงการ ทางซอยสุขุมวิท 19 โดย กทม.จะได้รังวัดพื้นที่ซอยสุขุมวิท 19 อีกครั้ง เพื่อความถูกต้องของระยะห่าง นอกจากนี้ยังมีทางออกฝั่งสุขุมวิท 21 ที่เชื่อมกับถนนอโศกมนตรี ก็มีความกว้างตามที่กฎหมายกำหนด ส่วนค่าใช้จ่ายในการซื้อที่ดินเพื่อเปิดทางออก ทาง กทม.ไม่มีส่วนต้องรับผิดชอบ เพราะปฎิบัติตามขั้นตอนในการออกใบรับแจ้งอนุญาตก่อสร้างแล้ว นอกจากนี้ กทม.จะตั้งคณะกรรมการตรวจสอบผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการออกใบรับแจ้งอนุญาตก่อสร้างโครงการดังกล่าว เพื่อความโปร่งใสในการทำงาน
#แอชตันอโศก