กระทรวงสาธารณสุข จัดส่งทีมแพทย์และคณะเจ้าหน้าที่ พร้อมด้วยเวชภัณฑ์ และยารักษาโรคโดยจะออกเดินทางไปช่วยเหลือผู้ประสบภัยแผ่นดินไหวที่เนปาลในวันพรุ่งนี้ ซึ่งนายแพทย์รัชตะ รัชตะนาวิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เปิดเผยว่า ทางกระทรวงสาธารณสุขเตรียมการใน 2 เรื่อง คือ ให้สำนักงานการสาธารณสุขฉุกเฉิน และสถาบันการแพทย์ฉุกเฉินแห่งชาติ จัดเตรียมหน่วยแพทย์ครบชุด ซึ่งประกอบด้วย แพทย์ พยาบาล เภสัชกร นักวิชาการสุขาภิบาล นักวิชาการควบคุมโรค นักจิตวิทยาพร้อมเวชภัณฑ์ ยารักษาโรค โดยเฉพาะยาฆ่าเชื้อ วัคซีนป้องกันโรค เช่น บาดทะยัก รวมทั้งชุดทำแผลต่างๆ เนื่องจากประชาชนส่วนใหญ่ได้รับบาดเจ็บ โดยคณะทำงานชุดแรกจำนวนประมาณ 30 คน พร้อมจะเดินทางตั้งแต่วันพรุ่งนี้ กับการเตรียมการในเรื่องที่ 2 คือ ตั้งศูนย์ปฎิบัติการด้านการแพทย์และสาธารณสุข ที่สำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข เพื่อเป็นศูนย์กลางประสานงานความช่วยเหลือจากหน่วยงานภายใน อาทิ กรมการแพทย์ กรมสุขภาพจิต ทีมส่วนภูมิภาคในสังกัดสำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข และสหวิชาชีพจากหน่วยงานภายนอก อาทิ ศิริราช รามาธิบดี โรงพยาบาลภูมิพลฯ โรงพยาบาลในสังกัดกรุงเทพมหานคร จำนวน 3 ทีม เพื่อให้มีความพร้อมปฏิบัติงานได้ในพื้นที่ 3 จุด และติดตามประเมินสถานการณ์ผลกระทบด้านสุขภาพประชาชน อย่างใกล้ชิด เนื่องจากประเทศเนปาล เป็นประเทศที่อยู่ในภูมิภาคใกล้เคียงกัน นอกจากนี้กระทรวงสาธารณสุข จะประสานงานกับกระทรวงการต่างประเทศอย่างใกล้ชิด
ด้านนายแพทย์สุรเชษฐ์ สถิตนิรามัย รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข รักษาราชการแทนปลัดกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า ในการให้ความช่วยเหลือ ได้วางแผนไว้ 4 เรื่องคือการรักษาพยาบาลผู้เจ็บป่วย อาจมีทั้งการให้เจ้าหน้าที่ไทยร่วมปฏิบัติงานกับเจ้าหน้าที่สาธารณสุขของเนปาลในโรงพยาบาลเนปาล ที่อยู่ในพื้นที่ที่ไม่รับความเสียหาย หรืออาจปรับให้เป็นโรงพยาบาลสนามขนาดย่อยๆ 1 โรงพยาบาล หรืออาจปฏิบัติเป็นหน่วยแพทย์บริการเคลื่อนที่ขนาดเท่ากับแผนกผู้ป่วยนอก ของโรงพยาบาลชุมชน รูปแบบขึ้นอยู่กับสถานการณ์จริงในพื้นที่ ด้านการควบคุมโรค และการรักษาความสะอาด ของสุขาภิบาลอาหารและน้ำดื่ม เพื่อป้องกันโรคไม่ให้เกิดซ้ำเติม ที่สำคัญได้แก่ โรคอุจจาระร่วง นอกจากนี้ยังมีการดูแลสุขภาพจิตประชาชน โดยเฉพาะกลุ่มที่สูญเสีย ไร้ญาติ ผู้สูงอายุ เด็ก และอาจร่วมค้นหาผู้รอดชีวิต และสุดท้ายคือการจัดการศพ และการพิสูจน์เอกลักษณ์ศพ
โดยในการวางแผนการช่วยเหลือในแต่ละด้านนั้น กระทรวงสาธารณสุขจะส่งแพทย์ผู้เชี่ยวชาญสาขาต่างๆลงไปประเมินสถานการณ์ เพื่อนำมาวางแผนจัดระบบการช่วยเหลืออย่างครบถ้วน ขณะเดียวกันได้ระดมหน่วยแพทย์สำรองไว้อย่างเต็มที่ พร้อมที่จะเดินทางไปสับเปลี่ยนหรือเสริมการปฏิบัติงานเพิ่มเติมในจุดที่จำเป็น โดยจะให้แต่ละทีมอยู่ปฏิบัติการทีมละ 2 สัปดาห์ เตรียมเครื่องมือเครื่องใช้ภาคสนามไปให้พร้อม เช่น อาหาร น้ำ เครื่องครัว เครื่องปั่นไฟ ระบบการสื่อสาร เพื่อความคล่องตัว ไม่เป็นภาระของประเทศเนปาล