วันนี้ (29 มี.ค.66) สำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ (องค์การมหาชน) หรือ GISTDA เปิดเผยข้อมูลจากดาวเทียมซูโอมิ เอ็นพีพี (Suomi NPP) ข้อมูลของวันที่ 28 มีนาคม 2566 ไทยพบจุดความร้อน 4,433 จุด โดยมีเพื่อนบ้านอย่างเมียนมา ขึ้นนำอยู่ที่ 4,894 จุด, สปป.ลาว 4,548 จุด , กัมพูชา 701 จุด, เวียดนาม 190 จุด และ มาเลเซีย 36 จุด
สำหรับจุดความร้อนในประเทศไทย ส่วนใหญ่พบในพื้นป่าอนุรักษ์ 2,361 จุด, พื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ 1,544 จุด, พื้นที่เกษตร 222 จุด, พื้นที่ชุมชนอื่นๆ 180 จุด , พื้นที่เขต สปก. 121 จุด, และพื้นที่ริมทางหลวง 5 จุด จังหวัดที่พบจุดความร้อนมากที่สุด 3 อันดับ คือ แม่ฮ่องสอน 588 จุด , น่าน 569 จุด และ เชียงใหม่ 488 จุด
จิสด้า ระบุว่า สิ่งหนึ่งที่ต้องเฝ้าระวังที่มักจะมากับเหตุการณ์ไฟป่าและจุดความร้อน คือ PM 2.5 สถานการณ์จุดความร้อนจากประเทศเพื่อนบ้านอาจส่งผลให้เกิด PM 2.5 ได้ในพื้นที่บริเวณชายแดน เนื่องจากได้รับอิทธิพลจากกระแสลมที่จะพัดผ่านเข้ามา ปัญหาไฟป่าหมอกควัน ส่งผลกระทบกับระบบต่างๆ ของประเทศมาโดยตลอด โดยเฉพาะระบบเศรษฐกิจ ระบบสังคม ดังนั้น ในอนาคตอันใกล้นี้ ประเทศไทยกำลังจะได้ใช้ระบบ THEOS-2 อย่างเต็มรูปแบบ ซึ่ง 1 ในภารกิจสำคัญของระบบนี้ คือการสำรวจ วิเคราะห์ และติดตามสถานการณ์ภัยพิบัติที่เกิดขึ้นหรือคาดว่าจะเกิดขึ้น ได้อย่างทันท่วงทีและแม่นยำ เพื่อการสนับสนุนข้อมูลสำคัญให้กับทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้นำข้อมูลไปใช้วางแผน ป้องกัน บรรเทา และแก้ไขปัญหาได้ตรงจุดมากยิ่งขึ้น โดย GISTDA ยังคงติดตามและรายงานสถานการณ์อย่างต่อเนื่อง เพื่อเป็นข้อมูลให้กับทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้นำไปใช้บริหารจัดการในพื้นที่
สถานการณ์ฝุ่น PM2.5 รายงานจาก IQAIRเมื่อเวลา12.41 น. พบว่า เชียงใหม่ ประเทศไทย มีค่าฝุ่น 237 มคก./ลบ.ม อยู่อันดับที่ 1 ของโลก โดย 5 อันดับที่มีค่า "PM2.5" มากที่สุดในโลก
1.ไทย( เชียงใหม่) ค่า "PM2.5" 237 มคก./ลบ.ม
2.อินเดีย (เดลี) ค่า "PM2.5" 180 มคก./ลบ.ม
3.อู่ฮั่น จีน "PM2.5" 178 มคก./ลบ.ม
4.ลาฮอร์ ปากีสถาน ค่า "PM2.5" 178 มคก./ลบ.ม และ
5. ปักกิ่ง จีน ค่า "PM2.5" 178 มคก./ลบ.ม.
#ไฟป่า
#หมอกควัน
#จุดความร้อน
#จิสด้า