นายกีรติ รัชโน ปลัดกระทรวงพาณิชย์ กล่าวถึงความคืบหน้าการแก้ปัญหาคนต่างชาติใช้คนไทยเป็นนอมินีจดทะเบียนพาณิชย์และถือหุ้นแทน เพื่อเข้ามาทำธุรกิจในประเทศไทย โดยเฉพาะธุรกิจร้านอาหาร และธุรกิจที่เกี่ยวกับการท่องเที่ยว โดยได้สั่งให้สำนักงานพาณิชย์จังหวัดทั่วประเทศ ให้เฝ้าระวังการยื่นขอจดทะเบียนนิติบุคคลโดยให้ตรวจสอบข้อมูลการขอจดทะเบียนอย่างเข้มงวด รวมทั้งสังเกตรูปร่าง หน้าตา และพฤติกรรมของผู้ยื่นจดทะเบียนด้วย ว่ามีความน่าเชื่อถือและสอดคล้องกับจำนวนทุนที่ยื่นขอจดทะเบียนจัดตั้งบริษัทหรือไม่ และอย่าเข้มงวดเฉพาะในจังหวัดท่องเที่ยวขนาดใหญ่เท่านั้น แต่จะต้องเฝ้าระวังเข้างวดทุก ๆ จังหวัดทั่วประเทศ ทั้งเมืองหลักและเมืองรอง
ด้านนายจิตรกร ว่องเขตกร รองอธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า ธุรกิจร้านอาหารและธุรกิจที่เกี่ยวกับการท่องเที่ยว เช่น นวดสปา ธุรกิจรถทัวร์ โรงแรม ที่พัก อยู่ในกลุ่มเสี่ยงที่จะมีปัญหานอมินีมากที่สุด ซึ่งปัจจุบันพบว่า ปัญหานอมินีมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น เนื่องจากภาคการท่องเที่ยวเริ่มกลับมาฟื้นตัวหลังสถานการณ์โควิดคลี่คลาย ประกอบกับการเปิดประเทศของจีนทำให้มีปริมาณนักท่องเที่ยวเดินทางเข้าไทยจำนวนมากขึ้น
เบื้องต้นกรมอยู่ระหว่างการตรวจสอบบริษัทจำนวน 200 แห่ง ที่มีความเสี่ยงเข้าข่ายนอมินี ใน 4 พื้นที่เป้าหมายในกรุงเทพมหานคร คือ ห้วยขวาง เยาวราช สัมพันธวงศ์ และรัชดา ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นแหล่งที่ตั้งของธุรกิจร้านอาหาร โรงแรมที่พัก ธุรกิจนวด สปา โดยล่าสุด ได้ทำหนังสือขอตรวจสอบข้อมูลด้านต่าง ๆ จากบริษัท เช่น การตรวจสอบเอกสารการจดทะเบียนและบัญชีการการทำธุรกิจ ว่าขออนุญาตถูกต้องตามกฎหมายหรือไม่, ข้อมูลงบการเงิน โดยจะให้เวลาในการส่งข้อมลชี้แจงภายใน 15 วัน
แต่ทั้งนี้ กระทรวงพาณิชย์ จะไม่มีการติดต่อกับผู้ประกอบการผ่านทางโทรศัพท์และแอปพลิเคชันไลน์ หากพบว่ามีบุคคลโทรศัพท์ไปหาหรือไลน์ไปหาแล้วแอบอ้างเอกสารหรือเว็บไซต์ว่ามาจากกระทรวงพาณิชย์หรือหน่วยงานในสังกัด เพื่อขอข้อมูลส่วนบุคคล หรือขอตรวจสอบข้อมูลธุรกิจ หรือการเสนอเงินให้ความช่วยเหลือธุรกิจต่างๆ อย่าหลงเชื่อคลิกลิงก์หรือให้ข้อมูลเด็ดขาด เพราะเป็นมิจฉาชีพที่แอบอ้างชื่อของกระทรวงไปใช้หลอกลวงประชาชน ซึ่งพบว่ามีจำนวนมากขึ้น โดยปลัดกระทรวงพาณิชย์ ได้ประชุมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ออกแนวปฏิบัติสำหรับประชาชนและผู้ประกอบการ เพื่อหลีกเลี่ยงการตกเป็นเหยื่อมิจฉาชีพ คือ
1.ทุกครั้งที่ได้รับโทรศัพท์หรือข้อความที่กล่าวอ้างว่าเป็นเจ้าหน้าที่ของกระทรวงพาณิชย์ หรือหน่วยงานในกระทรวงพาณิชย์ “ให้สงสัยก่อนว่าเป็นการแอบอ้างจากมิจฉาชีพ” และ “ห้ามทำธุรกรรมใด ๆ อย่างเด็ดขาด” เนื่องจากการขอข้อมูลจากผู้ประกอบการหรือผู้มาติดต่อใด ๆ หน่วยงานในกระทรวงพาณิชย์จะทำเป็นหนังสือทุกครั้ง
2.กระทรวงพาณิชย์ได้เปิดสายด่วนแจ้งข่าวมิจฉาชีพ โทร. 1203 เพื่อตรวจสอบข้อมูลเบื้องต้นและป้องกันการถูกหลอกในทุกรูปแบบ
โดยจากสถิติ พบว่า 90% ของหน่วยงานที่ถูกแอบอ้าง คือ กรมพัฒนาธุรกิจการค้า รองลงมา คือ กรมทรัพย์สินทางปัญญา และกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ เป็นต้น ซึ่งล่าสุด กระทรวงพาณิชย์อยู่ระหว่างส่งดำเนินคดีมิจฉาชีพจำนวน 18 คดี โดยในช่วง 3 เดือนที่ผ่านมามียอดโทรร้องเรียน 50 สาย ส่วนใหญ่เป็นการสอบถามข้อมูลส่วนตัว, หลอกให้กดลิ้งค์เพื่อดูดเงินผ่านแอปฯ ธนาคาร เป็นต้น
#ทุนจีนสีเทา
#นอมินีเปิดร้านอาหาร
#แก๊งคอลเซ็นเตอร์
CR : ขอบคุณภาพข่าว FB กระทรวงพาณิชย์