เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) โดยกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเศรษฐกิ นำโดย พ.ต.ท.ประดิษฐ์ สุวรรณดี, พ.ต.ต.วรวุฒิ คงรักษา สว.กก.5 บก.ปอศ. พร้อมกำลังข้าราชการตำรวจ กก.5 บก.ปอศ. ร่วมกันจับกุม นายพรชัย (สงวนนามสกุล) อายุ 52 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญาธนบุรี ที่ 104/2566 ลงวันที่ 2 กุมภาพันธ์ 2566 ในความผิดฐาน “ลักทรัพย์ที่เป็นของนายจ้างหรือที่อยู่ในความครอบครองของนายจ้าง และเป็นพนักงานของสถาบันการเงิน กระทำการหรือไม่กระทำการเพื่อแสวงหาประโยชน์ที่มิควรได้โดยชอบด้วยกฎหมาย เพื่อตนเองหรือผู้อื่น อันเป็นการเสียหายแก่สถาบันการเงิน” พร้อมตรวจสอบทรัพย์สินอีกหลายรายการ
สถานที่จับกุม บ้านพัก ถ.พุทธมณฑลสาย 3 แขวงศาลาธรรมสพน์ เขตทวีวัฒนา กทม.
พฤติการณ์ สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 20 มกราคม 2566 ตัวแทนของทางธนาคารแห่งหนึ่ง แจ้งความร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวน กก.5 บก.ปอศ. กรณีที่นางกมลฯ อายุ 80 ปี ซึ่งเป็นลูกค้าของทางธนาคาร เข้ามาร้องเรียนกับทางธนาคารว่า เงินในบัญชีหายไปเป็นจำนวน 2,000,000 บาท จากการสืบสวนทราบว่า เมื่อวันที่ 21 พฤศจิกายน 2565 นางกมลฯ ได้เดินทางไปที่ธนาคารย่านถนนประชาอุทิศ เพื่อเปิดบัญชีออมทรัพย์ โดยมีการสมัครบัตรเดบิต และถอนเงินเพื่อจะโอนเงินไปยังบัญชีธนาคารที่เปิดใหม่และโอนไปยังบัญชีของบุตรชาย โดยขณะทำธุรกรรม นายพรชัยฯ (ผู้ต้องหา) ซึ่งเป็นพนักงานธนาคารทำหน้าที่เป็นผู้ช่วยผู้จัดการคอยให้บริการกับลูกค้า ได้เข้ามาดูแล และช่วยทำธุรกรรมให้นางกมลฯ โดยได้มีการนำเอกสารมาให้นางกมลฯ ลงลายมือชื่อ จำนวน 2 ฉบับ โดยผู้ต้องหาได้แอบนำใบคำขอถอนเงินเขียนยอดเงินจำนวน 2,000,000 บาท มาให้นางกมลฯ ลงลายมือชื่อด้วย จากนั้นได้ถอนเงินออกจากบัญชีของนางกมลฯ จำนวน 2,000,000 บาท และนำสมุดบัญชี พร้อมบัตรเดบิตมามอบคืนให้กับผู้เสียหาย
ต่อมานางกมลฯ ตรวจพบว่าเงินในบัญชีหายไป จำนวน 2,000,000 บาท จึงร้องเรียนกับทางธนาคารว่าไม่เคยเบิกถอนเงินสดจำนวนนี้
พนักงานสอบสวน กก.5 บก.ปอศ. รวบรวมพยานขออนุมัติหมายจับนายพรชัยฯ ในความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 334 (11) และพระราชบัญญัติธุรกิจสถาบันการเงิน มาตรา 147 ประกอบมาตรา 145 จากนั้นได้เข้าตรวจค้นและจับกุมตัวส่งพนักงานสอบสวน กก.5 บก.ปอศ. เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
จากการสอบถามนายพรชัยฯ ให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา
พ.ต.อ.เมฆพิศาล ศรีภิรมย์ ผกก.5 บก.ปอศ. กล่าวว่า แม้ว่าในชั้นจับกุม ผู้ต้องหาจะให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา แต่จากการสืบสวนสอบสวนพบว่ามีพยานหลักฐานชัดเจน ประกอบกับในคดีนี้เป็นความผิดที่มีอัตราโทษสูง และเป็นความผิดมูลฐานฟอกเงิน ซึ่งจากการตรวจสอบในเบื้องต้น พบทรัพย์สินต้องสงสัยจำนวนหลายรายการ น่าเชื่อว่าผู้ต้องหาอาจจะเคยก่อเหตุในลักษณะนี้มาก่อนหลายครั้ง ซึ่งทางเจ้าหน้าที่จะได้ดำเนินการสืบสวนสอบสวนขยายผลดำเนินคดีให้ถึงที่สุด
ตำรวจสอบสวนกลางขอเตือนภัยถึงพี่น้องประชาชน ให้เพิ่มความระมัดระวังในการทำธุรกรรมทางการเงิน การลงลายมือชื่อทุกครั้งให้ตรวจสอบโดยละเอียด และอย่าหลงเชื่อหรือไว้ใจแม้เป็นพนักงานหรือลูกจ้างของสถาบันการเงินนั้นๆ และทุกครั้งก่อนที่จะใช้บริการ หรือทำธุรกรรม ควรมีบุตรหลาน หรือญาติที่มีความรู้และรอบคอบไปด้วย
...
#แอบโอนเงินลูกค้าธนาคาร
ตำรวจสอบสวนกลาง