กลุ่มนักวิเคราะห์ได้กล่าวกับสำนักข่าวซีเอ็นบีซีว่า มาตรการการคว่ำบาตรน้ำมันดิบของรัสเซียจนถึงตอนนี้นั้นล้มเหลวอย่างสิ้นเชิง และการกำหนดเพดานราคาน้ำมันครั้งใหม่ก็อาจพิสูจน์ได้ว่าไม่มีผลเช่นกัน
สหภาพยุโรป (EU) อยู่ในระหว่างวางแผนห้ามนำเข้าผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียมกลั่นจากรัสเซีย รวมถึงน้ำมันดีเซล และน้ำมันเครื่องบิน เริ่มตั้งแต่วันอาทิตย์นี้ (5 ก.พ.) โดยก่อนหน้านี้ EU ได้ห้ามการซื้อและการนำเข้าน้ำมันดิบของรัสเซียทางทะเล ตั้งแต่เดือนธ.ค. 2565นอกจากนี้แล้ว EU ยังได้ร่วมมือกับกลุ่มประเทศ G7 และออสเตรเลีย ในการกำหนดเพดานราคาน้ำมันสำหรับน้ำมันดิบของรัสเซียที่ขนส่งทางทะเล โดยห้ามการใช้การประกันการเดินเรือ การเงิน และบริการอื่น ๆ จากกลุ่มชาติตะวันตก ยกเว้นกรณีที่ขายในราคาต่ำกว่า 60 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของความพยายามระดับโลกเพื่อจำกัดความสามารถของรัสเซียในการหาเงินไปใช้ในสงครามยูเครน แต่การกำหนดเพดานราคาถูกคิดขึ้นโดยกลุ่มเจ้าหน้าที่รัฐที่จบการศึกษาด้านการเงิน ซึ่งไม่มีใครเข้าใจเรื่องตลาดน้ำมัน และมัน "ล้มเหลวโดยสิ้นเชิง"
ด้านรอยเตอร์ รายงานว่า ก่อนที่จะถึงการเสนอการกำหนดเพดานราคาผลิตภัณฑ์น้ำมันกลั่นของรัสเซียในวันที่ 5 ก.พ.EU ยังไม่ได้ตกลงในเรื่องการจำกัดเพดานราคาสูงสุด โดยคาดว่าน่าจะบรรลุข้อตกลงในวันนี้ (3 ก.พ.) ล่าสุดราคาน้ำมันนิวยอร์คปรับตัวลดลง 20 เซนต์ อยู่ที่ 75.68 เหรียญต่อบาร์เรล ส่วนเบรนท์ทะเลเหนือตลาดลอนดอน ลดลง 23 เซนต์ อยู่ที่ 81.94 เหรียญต่อบาร์เรล
สำหรับในประเทศไทย ราคาน้ำมันปรับตัวลดลง ต่อเนื่องเป็นวันที่ 3 แล้ว มีผลในวันพรุ่งนี้ สถานีบริการน้ำมันพีทีที สเตชั่น ประกาศปรับราคาขายปลีกน้ำมันกลุ่มแก๊สโซฮอล์ทุกชนิดลง 30 สตางค์ต่อลิตร ส่งผลให้ราคาน้ำมันเบนซินลดลง 30 สตางค์ อยู่ที่ 43.46 บาทต่อลิตร แก๊สโซฮอล์ 95 ลดลง 30 สตางค์ อยู่ที่ 35.65 บาทต่อลิตร E20 ลดลง 30 สตางค์ อยู่ที่ 33.74 บาทต่อลิตร แก๊สโซฮอล์ 91 ลดลง 30 สตางค์ อยู่ที่ 35.38 บาทต่อลิตร E85 ลดลง 30 สตางค์ อยู่ที่ 34.19 บาทต่อลิตร ส่วนพรีเมี่ยม แก๊สโซฮอล์ 95 ราคาคงเดิม อยู่ที่ 42.14 บาทต่อลิตร ส่วนกลุ่มดีเซลราคายังคงเดิม
#น้ำมันโลก
#คว่ำบาตรรัสเซีย