แพทย์เตือนฝุ่นPM2.5 ก่อสารพัดโรค รัฐบาลย้ำเร่งแก้ปัญหาฝุ่น

02 กุมภาพันธ์ 2566, 15:30น.


          นายอนุชา บูรพชัยศรี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี พร้อมด้วย ดร.ปิ่นสักก์ สุรัสวดี  อธิบดีกรมควบคุมมลพิษ  ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์แก้ไขปัญหามลพิษทางอากาศ  แถลงมาตรการรับมือกับสถานการณ์ฝุ่น PM2.5 ที่กำลังส่งผลกระทบหนักทั้งในกรุงเทพฯ และหลายจังหวัด โดยเฉพาะภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เนื่องจากขณะนี้สภาพอากาศปิด รวมทั้งลมเปลี่ยนทิศ ทำให้ฝุ่นควันจากการเผาในประเทศเพื่อนบ้าน พัดเข้ามาในประเทศไทย โดยคาดว่า ประเทศไทยจะได้รับผลกระทบจากฝุ่นละอองไปจนถึงวันที่ 7 ก.พ.นี้ หลังจากนั้นสถานการณ์จะดีขึ้น ซึ่งรัฐบาลมีมาตรการลดการเผาในที่โล่ง เพื่อลดปัญหาฝุ่น PM2.5  โดยกรุงเทพมหานคร ร่วมกับกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ควบคุมต้นกำเนิดการเปิดฝุ่นละอองต่างๆ  นอกจากนี้ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ยังประสานไปยังสำนักเลขาธิการอาเซียน ขอความร่วมมือจากประเทศเพื่อนบ้านลดจุดความร้อน ส่วนภายในประเทศ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ได้มอบหมายนโยบายป้องกันและแก้ไขปัญหาไฟป่า หมอกควัน และฝุ่นละอองในพื้นที่ภาคเหนือ  โดยมอบอำนาจให้ผู้ว่าราชการจังหวัดภาคเหนือ เรียกประชุมวอร์รูม ยกระดับมาตรการป้องกันและแก้ไขปัญหาไฟป่า  หมอกควัน และฝุ่นละอองในพื้นที่



          ด้าน ศ.นพ.วินัย  วนานุกูล  หัวหน้าศูนย์พิษวิทยา คณะแพทยศาสตร์ รพ.รามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล  ระบุว่า ฝุ่น PM2.5 มีผลต่อสุขภาพทั้งระยะเฉียบพลันและระยะเรื้อรัง ในระยะเฉียบพลัน หากฝุ่น PM2.5 เข้าสู่ร่างกายมากๆ จะสามารถกระตุ้นให้เกิดโรคหลอดเลือดหัวใจอุดตันและกล้ามเนื้อหัวใจตายได้มากกว่าปกติ  สามารถทำให้หัวใจเต้นผิดจังหวะได้ง่ายขึ้น  นอกจากนี้ ยังอาจทำให้เกิดโรคเส้นเลือดในสมองอุดตันและแตก หรือ สโตรก เกิดขึ้นได้ง่ายเช่นกัน   ส่วนผลกระทบระยะยาว หรือเรื้อรัง หากสูดดมฝุ่น PM2.5 เข้าไปในจำนวนมาก พบว่าสามารถทำให้การทำงานของไตเสื่อมเร็วกว่าคนที่อยู่ในสภาพแวดล้อมที่ดี รวมทั้งอุบัติการณ์การเกิดโรคเบาหวานมีมากขึ้น  และมีส่วนเกี่ยวข้องกับการเกิดโรคมะเร็งปอดด้วย



          ด้าน รศ.ดร.นพ. พงศกร ตันติลีปิกร  กรรมการบริหารสมาคมโรคภูมิแพ้ โรคหืดและวิทยาภูมิคุ้มกันแห่งประเทศไทย  ผู้ช่วยอธิการบดีฝ่ายวิจัยและวิชาการ มหาวิทยาลัยมหิดล  ระบุว่า คนที่เป็นโรคภูมิแพ้และหอบหืด หากสูดดมฝุ่น PM2.5 เข้าไปอาจทำให้อาการรุนแรงมากขึ้น รวมทั้งการระคายเคืองตา จมูก บางรายอาจเกิดเลือดกำเดาไหล  ซึ่งการป้องกันตัวเอง คือ การใส่หน้ากากอนามัย งดการทำกิจกรรมในที่โล่งแจ้ง หากแสบตา อย่าขยี้ ให้ใช้น้ำตาเทียม หากแสบจมูกหรือมีเลือดกำเดาไหล อย่าใช้นิ้วแหย่เข้าไปในจมูกนอกจากนี้งานวิจัยของมหาวิทยาลัยมหิดล ยังพบว่า กิจกรรมที่ทำในบ้านบางอย่าง อาจทำให้เกิดฝุ่น PM2.5 ได้ เช่น เครื่องปรินท์เตอร์ หรือการทำอาหารที่มีควันในห้องแคบ ก็จะทำให้เกิดการระคายเคืองได้เช่นเดียวกัน



          นายอนุชา ระบุว่า นายกรัฐมนตรีห่วงใยสถานการณ์ฝุ่นละออง PM2.5 โดยสั่งให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เร่งแก้ปัญหาทั้งในระยะสั้นและระยะยาว เช่น ลดฝุ่นควันจากการจราจร ด้วยการสนับสนุนการใช้รถโดยสารสาธารณะ ซึ่งขณะนี้กำลังเร่งก่อสร้างระบบสาธารณูปโภคต่างๆ  การลดการเผาในที่โล่งทั้งในประเทศและประเทศเพื่อนบ้าน ควบคุมพื้นที่ก่อสร้าง ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก เป็นต้น



 



#ฝุ่นPM25



#ฝุ่นละออง

ข่าวทั้งหมด

X