ศาลฎีกาออกหมายจับ'ธาริต เพ็งดิษฐ์'เชื่อว่าประวิงเวลาหลบหนีคดีปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ

02 กุมภาพันธ์ 2566, 14:20น.


          วันนี้ (2 ก.พ.66) ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก นัดอ่านคำสั่งคำพิพากษาศาลฎีกาครั้งที่ 7 คดีปฏิบัติหน้าที่มิชอบ  ที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกรัฐมนตรี และ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ อดีตรองนายกรัฐมนตรี และอดีต ผอ.ศูนย์อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน   ร่วมกันเป็นโจทก์ยื่นฟ้องนายธาริต เพ็งดิษฐ์ อดีตอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) , พ.ต.ท.วรรณพงษ์ คชรักษ์ อดีตหัวหน้าชุดสอบสวนคดีการเสียชีวิตของประชาชนและเจ้าหน้าที่รัฐ จากเหตุรุนแรงทางการเมือง ปี 2553 พ.ต.ต.ยุทธนา แพรดำ และ ร.ต.อ.ปิยะ รักสกุล ในฐานะพนักงานสอบสวน เป็นจำเลยที่ 1-4 ในความผิดฐาน "เป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบหรือโดยทุจริต และเป็นเจ้าพนักงานสอบสวนกระทำการ โดยมีเจตนากลั่นแกล้งให้ผู้อื่นได้รับโทษอาญา ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 และ 200 วรรคสอง



          โดยคดีนี้จำเลยทั้ง 4 ให้การปฏิเสธและต่อสู้คดี ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้องจำเลยทั้ง 4 โจทก์ยื่นอุทธรณ์  ศาลอุทธรณ์พิเคราะห์แล้วเห็นว่าจำเลยทั้ง 4 กระทำผิดตามฟ้อง จึงพิพากษากลับ ให้จำคุกจำเลยทั้ง 4 คน  คนละ 3 ปี ลดโทษให้ 1ใน 3 คงจำคุกจำเลยคนละ 2 ปี   ต่อมาจำเลยทั้ง 4 ยื่นฏีกา อ้างว่ามีพยานหลักฐานใหม่ในคดี ขอให้ศาลฎีกาพิจารณาพิพากษาใหม่  โดยนายธาริต จำเลยที่ 1 มอบหมายให้ทนายความยื่นคำร้องขอเลื่อนฟังคำพิพากษาศาลฎีกาออกไปก่อน  โดยให้เหตุผลต่างกันหลายครั้ง  ครั้งหลังสุด ให้เหตุผลว่า ต้องผ่านิ่วในไตทั้ง 2 ข้าง ใช้เวลารักษานานราว 4 เดือน  รวมทั้งญาติผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์รุนแรงทางการเมืองได้ยื่นคำร้องขอเข้าเป็นคู่ความที่สามในคดีด้วย



          ศาลอาญาจึงมีคำสั่งให้ส่งคำร้องทั้งหมดให้ศาลฎีกาพิจารณา โดยนัดฟังคำพิพากษาหรือคำสั่งศาลฎีกาวันนี้  แต่นายธาริต จำเลยที่ 1 รับทราบนัดแล้ว แต่ไม่มา ซึ่งทนายยื่นคำร้องว่า  เป็นโรคนิ่วในไตทางด้านซ้ายและด้านขวา ต้องเข้ารับการผ่าตัดส่องกล้องผ่านท่อไตและใส่สายระบายเลือดไว้ในท่อไตทั้งสองข้าง และต้องรักษาตัวในโรงพยาบาลเพื่อพักฟื้นและต้องติดตามอาการเป็นเวลา 3 เดือน เพื่อประเมินสภาพไตและก้อนนิ่วอีกครั้ง  



          ศาลพิเคราะห์แล้วเห็นว่า  เมื่อพิจารณาตามคำร้องขอเลื่อนคดีของจำเลยที่ 1 ประกอบเอกสารแนบท้ายแล้ว ปรากฎเพียงว่าจำเลยที่ 1ได้ทำการรักษาโดยการผ่าตัดส่องกล้องผ่านท่อไตเมื่อวันที่ 29  ม.ค.66 ต้องพักฟื้นที่โรงพยาบาลและต้องติดตามอาการเป็นเวลา 3 เดือน เพื่อประเมินสภาพไตและก้อนนิ่วอีกครั้ง แต่แพทย์ไม่ได้แจ้งว่าจำเลยที่ 1 จำเป็นต้องเข้ารับการรักษาด้วยการผ่าตัดในทันที หรือต้องผ่าตัดเร่งด่วนในวันและเวลาใด และจำเป็นต้องรักษาตัวที่โรงพยาบาลตลอดระยะเวลา 3 เดือนหรือไม่   รวมทั้งไม่ได้ลงความเห็นว่าจำเลยที่ 1 มีอาการเจ็บป่วยถึงขนาดที่ไม่สามารถเดินทางมาศาลในวันนี้ได้  ประกอบกับจำเลยที่ 1 ขอเลื่อนคดีโดยอ้างเหตุเจ็บป่วยมาแล้วหลายครั้งเป็นเวลากว่าหนึ่งปี  น่าเชื่อว่าการที่จำเลยที่ 1 ไม่มาศาลเป็นการประวิงคดีให้ล่าช้า ตามพฤติการณ์จึงมีเหตุให้เชื่อว่าจำเลยที่ 1 หลบหนีจึงให้ออกหมายจับจำเลยที่ 1 เพื่อนำตัวมาฟังคำพิพากษาหรือคำสั่งศาลฎีกาต่อไป  และให้เลื่อนไปนัดฟังคำพิพากษาหรือคำสั่งศาลฎีกาในวันที่ 24 มีนาคม เวลา 09.00 น.ตามที่คู่ความมีวันว่างตรงกันแจ้งเลื่อนการอ่านให้ศาลฎีกาทราบ



#ธาริตเพ็งดิษฐ์



#คดีสลายการชุมนุมปี53

ข่าวทั้งหมด

X