พลตำรวจตรี ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผู้บังคับการสืบสวนสอบสวน กองบัญชาการตำรวจนครบาล (ผบก.สส.บช.น.) เปิดเผยความคืบหน้าการสอบปากคำตำรวจ สน.ห้วยขวาง 6 นาย ผู้เสียหายชาวสิงคโปร์ได้ชี้ตัวว่าเกี่ยวข้องกับการเรียกรับเงินจากนักท่องเที่ยว
โดยตำรวจทั้ง 6 นาย ถูกแจ้งข้อกล่าวหาตามความผิดในมาตรา 149 เป็นเจ้าพนักงาน สมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งรัฐ สมาชิกสภาจังหวัด หรือสมาชิกสภาเทศบาล เรียก รับหรือยอมจะรับทรัพย์สิน หรือประโยชน์อื่นใดสำหรับตนเอง หรือผู้อื่นโดยมิชอบ เพื่อกระทำการหรือไม่กระทำการอย่างใดในตำแหน่ง ไม่ว่าการนั้นจะชอบหรือมิชอบด้วยหน้าที่ โทษจำคุกตั้งแต่ห้าปีถึงยี่สิบปี หรือจำคุกตลอดชีวิต และปรับตั้งแต่ 1 แสนบาท ถึง 4 แสนบาท หรือประหารชีวิต กรณีเรียกรับเงินจากนักท่องเที่ยวชาวไต้หวันและสิงคโปร์ จำนวน 27,000 บาท
รวมทั้งความผิดตามมาตรา 157 เป็นเจ้าพนักงาน ปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบเพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต โทษจำคุกตั้งแต่หนึ่งปีถึงสิบปีหรือปรับตั้งแต่สองหมื่นบาทถึงสองแสนบาทหรือทั้งจำทั้งปรับ กรณีไม่จับกุมบุหรี่ไฟฟ้า
พลตำรวจตรีธีรเดช ระบุว่า ผู้ต้องหาทั้ง 6 คน ให้การรับสารภาพในชั้นสืบสวน แต่เมื่อมีการสอบสวนในชั้นพนักงานสอบสวนเพื่อลงในสำนวนคดี ผู้ต้องหาทั้งหมดกลับให้การปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา แต่คณะทำงานสืบสวนสอบสวนมั่นใจในพยานหลักฐานทั้งหมด ซึ่งมีทั้งหลักฐานที่ฝ่ายสืบสวนรวบรวมมาได้ การให้ปากคำของผู้เสียหาย และหลักฐานสำคัญเป็นภาพจากกล้องวงจรปิดของภาคเอกชนที่สามารถบันทึกเหตุการณ์ไว้ได้อย่างชัดเจน โดยเฉพาะตำรวจสองนายที่เข้าไปพูดคุยกับผู้เสียหาย ส่วนที่ต้องใช้เวลานานกว่าสองสัปดาห์ในการรวบรวมกล้องของเอกชน เนื่องจากต้องรอการประสานงานกับเอกชน ส่วนรายละเอียดและภาพจากกล้องยังไม่ขอเปิดเผยรายละเอียด
ขณะที่การให้ปากคำของผู้เสียหายชาวสิงคโปร์ มีการชี้ตัวตำรวจที่เกี่ยวข้องไม่ถึง 6 คน แต่ก็ถือว่าให้การที่เป็นประโยชน์ จนทำให้สามารถแจ้งข้อกล่าวหาได้ในวันนี้ ขณะที่ พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล ควบคุมการสอบสวนด้วยตัวเอง จึงมั่นใจในพยานหลักฐานและไม่มีคำสั่งการใดเพิ่มเติม
ส่วนกล้องประจำตัวของตำรวจชุดตั้งด่านในวันเกิดเหตุ พลตำรวจตรีธีรเดช เปิดเผยว่า สำนักงานพิสูจน์หลักฐาน ได้ส่งไฟล์กลับมาที่พนักงานสอบสวนแล้ว แต่ตนไม่ทราบในรายละเอียด แต่ตอนนี้ถือว่าพยานหลักฐานส่วนอื่นมีความชัดเจนมากกว่า พร้อมยืนยันว่า จะไม่มีการแจ้งข้อกล่าวหาใดๆ กับผู้เสียหาย เนื่องจาก พยานหลักฐานสามารถระบุได้ชัดเจนว่า เป็นการเรียกรับเงิน ไม่ใช่การติดสินบนเจ้าพนักงาน ซึ่งหลังจากนี้ พนักงานสอบสวน จะคุมตัวผู้ต้องหาทั้ง 6 คน ไปส่งศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง พร้อมคัดค้านการประกันตัว
สำหรับตำรวจ 6 นาย ที่ถูกดำเนินคดีในมาตรา 149 และ 157 ประกอบด้วย
1. ร้อยตำรวจเอก ยอดฤทธิ์ รองสารวัตรป้องกันปราบปราม สน.ห้วยขวาง หัวหน้าด่าน
2. ร้อยตำรวจเอก ปฏิภาณ รองสารวัตรอำนวยการ สน.ห้วยขวาง รองหัวหน้าด่าน
3. ดาบตำรวจ กฤษฎา ผู้บังคับหมู่ ป้องกันปราบปราม ในวันเกิดเหตุมีปากเสียงกับผู้เสียหาย
4. สิบตำรวจเอก เฉลิมชัย ผู้บังคับหมู่ ป้องกันปราบปราม ในวันเกิดเหตุทำหน้าที่คัดเลือกรถเหยื่อ
5. สิบตำรวจเอก วัชรนนท์ ผู้บังคับหมู่ ป้องกันปราบปราม ในวันเกิดเหตุมีปากเสียงกับผู้เสียหาย
6. สิบตำรวจเอก นันทวัชร์ ผู้บังคับหมู่ ผู้ช่วยพนักงานสอบสวน ในวันเกิดเหตุเป็นผู้ที่อยู่นอกเครื่องแบบ และเรียกรับเงินกับผู้เสียหายชาวสิงคโปร์
ส่วนดาบตำรวจ อธิเวช จุลพันธ์ ผู้บังคับหมู่ ทำหน้าที่ปฏิบัติการป้องกันปราบปราม สน.ห้วยขวาง ซึ่งมีรายชื่อที่ปฎิบัติหน้าที่อยู่ในชุดตั้งด่านดังกล่าว แต่ในขณะเกิดเหตุ ไม่อยู่ที่ด่าน เพราะออกไประงับเหตุส่งเสียงดัง ที่รัชดาซอย 10
ขณะที่ การแจ้งข้อหาตามมาตรา 157 ยังต้องมีการสืบสวนสอบสวนเพิ่มเติม หากพบว่ามีใครเกี่ยวข้องอีก ก็จะแจ้งข้อหาดังกล่าวเพิ่มเติมต่อไป
#ตำรวจรีดไถเงินนักท่องเที่ยว
#สนห้วยขวาง