พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล แถลงความคืบหน้าคดีดาราสาวชาวไต้หวันอ้างว่าถูกตำรวจ สน.ห้วยขวาง ตั้งด่านรีดไถเงิน 27,000 บาท ในขณะมาเที่ยวในประเทศไทย จากการสอบสวนคณะกรรมการสอบสวนของกองบัญชาการตำรวจนครบาล สรุปผลการสอบสวนเบื้องต้น พบว่า มีการตั้งจุดตรวจบริเวณหน้าสถานทูตจีนจริง และปรากฏภาพนักท่องเที่ยวถือบุหรี่ไฟฟ้า ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์ที่มีความผิดตาม พ.ร.บ.ศุลกากร แต่เจ้าหน้าที่ตำรวจที่ด่าน พบเห็นวัตถุผิดกฎหมายแล้ว กลับไม่ได้ตรวจยึดเป็นของกลางเพื่อส่งตรวจสอบและดำเนินคดีตามกฎหมาย แต่กลับให้นักท่องเที่ยวเดินทางออกจากจุดตรวจไป กรณีนี้เข้าข่ายละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 157 ซึ่งกองบัญชาการตำรวจนครบาลได้สั่งให้ดำเนินการทั้งทางวินัยและอาญาแล้วจำนวนหลายนาย
ส่วนเรื่องการเรียกรับผลประโยชน์จากนักท่องเที่ยว ยังอยู่ระหว่างการรวบรวมพยานหลักฐานให้ชัดเจน ทั้งพยานบุคคลที่เกี่ยวข้องที่จะต้องเรียกมาสอบสวน พยานเอกสาร บันทึกรับสารภาพ จำนวนเงินที่แน่นอน หากพบว่ามีความผิดชัดเจน จะดำเนินการแจ้งข้อหาเพิ่มเติม ไม่ละเว้น จากการตรวจสอบหลักฐานที่ตำรวจได้รับมาในขณะนี้ ทำให้ได้ความชัดเจนในเหตุการณ์ทั้งก่อน ระหว่าง และหลังการเรียกตรวจค้น ซึ่งคณะสอบสวน ได้ตั้งประเด็นสอบสวนต่อไปว่า เหตุใดจึงมีการเรียกให้หยุดตรวจค้น และทำไมถึงใช้เวลาตรวจค้นนาน ซึ่งผลการสอบสวนจะถูกนำมาเชื่อมโยงกับหลักฐานจากกล้องวงจรปิด
ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล ยืนยันว่า ตำรวจไม่ได้สั่งให้ลบภาพจากกล้องวงจรปิดใด ซึ่งประเด็นนี้สามารถตรวจสอบได้ เพราะเป็นกล้องของกรุงเทพมหานคร ส่วนกล้องที่ติดหมวกติดตัวของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ขณะนี้ได้รวบรวมส่งไปที่สำนักงานพิสูจน์หลักฐานให้ตรวจสอบและกู้ไฟล์ภาพ เนื่องจากไฟล์ถูกลบ แต่เป็นการลบเองหรือไฟล์หมดอายุนั้น ต้องรอผลการตรวจสอบอีกครั้ง
สำหรับกล้องวงจรปิดที่หน้าสถานทูตจีน ทางตำรวจได้ทำหนังสือขอไปแล้วตั้งแต่วันแรกที่เป็นข่าว ขณะนี้ยังอยู่ระหว่างรอการตอบรับ เนื่องจากติดวันหยุดเสาร์อาทิตย์ แต่หากบุคคลใดมีพยานหลักฐานหรือคลิปภาพใด ก็ยินดีรับไปตรวจสอบ
ส่วนที่นายชูวิทย์ กมลวิศิษฏ์ โพสต์ว่า มีตำรวจที่ตั้งด่านรับสารภาพแล้วนั้น พล.ต.ท.ธิติ ระบุว่า จากข้อมูลการสอบสวนเมื่อคืนนี้ ยังไม่มีตำรวจนายใดรับสารภาพ แต่วันนี้ได้สั่งให้สอบสวนเพิ่มเติมแล้ว ซึ่งจะมีการกลับคำให้การหรือไม่ ต้องขอตรวจสอบเพิ่มเติมก่อน ส่วนที่นายชูวิทย์อ้างว่า มีหญิงไทยเป็นผู้ส่งมอบเงินให้ตำรวจ โดยมีคลิปชัดเจนนั้น ประเด็นนี้ อยู่ในกรอบการสืบสวนที่วางไว้ตั้งแต่แรกแล้ว โดยจะเร่งรัดติดตามบุคคลที่อยู่ในเหตุการณ์ทั้งหมดมาสอบสวน และอยู่ระหว่างตรวจสอบเพิ่มเติมว่า มีคนอื่นนอกเหนือจากคนขับรถ ดาราไต้หวัน และเพื่อนชาย 3 คน อยู่ที่ด่านหรือไม่ ซึ่งเจ้าหน้าที่พยายามติดต่อเพื่อนชาย 3 คนที่นั่งมาในรถด้วยกันเพื่อมาให้ปากคำแล้ว โดยเป็นการติดต่อผ่านตำรวจไต้หวัน
ด้านคลิปที่นายชูวิทย์ อ้างว่ามีการส่งเงินให้นั้น ตำรวจยังไม่มีคลิปนี้ แต่หากนายชูวิทย์ จะส่งให้ตรวจสอบ ก็ยินดีรับไว้ ซึ่งหากหลักฐานชัดเจนก็จะดำเนินคดีอย่างเด็ดขาด เพราะไม่จำเป็นต้องเก็บตำรวจไม่ดีไว้ในองค์กร
ขณะที่กระแสข่าวว่า ในที่เกิดเหตุมีตำรวจ 1 นายที่ไม่ได้เข้าเวรปฏิบัติหน้าที่ แต่เดินทางมาที่ด่านนั้น ขณะนี้ชุดสืบสวนกำลังดำเนินการตรวจสอบอยู่ เพราะทางตำรวจมีรายชื่อเจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติงานทั้งหมดแล้ว ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล ยังฝากไปถึงนายชูวิทย์ ว่า หากมีคลิปหลักฐานเด็ดเกี่ยวกับเหตุการณ์ดังกล่าว ก็พร้อมจะยินดีรับไว้เป็นหลักฐาน และ ถ้ามีหลักฐานว่าทำผิดจริง ก็ให้นำหลักฐานนั้นออกมา พร้อมกับกราบขออภัยประชาชน แทนข้าราชการตำรวจทุกคน ที่การทำงานของตำรวจในบางส่วน ส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์ของสังคมและประเทศ
มีรายงานข่าวว่า มีคำสั่งให้ทีมชุดสืบสวนนครบาล บินด่วนไปไต้หวัน เพื่อสอบปากคำดาราสาวคนดังกล่าว โดยได้ประสานงานไปยังไต้หวันเรียบร้อยแล้ว ขณะนี้อยู่ระหว่างการรอผู้บัญชาการตำรวจไต้หวัน อนุมัติ ซึ่งตำรวจไต้หวันอยู่ระหว่างติดต่อดาราสาว เพื่อสอบถามความสมัครใจ เนื่องจาก กฎหมายของไต้หวัน ต้องให้เจ้าตัวเป็นผู้ยินยอมจึงจะไปสอบปากคำได้ หากเจ้าตัวไม่ยินยอม ก็ได้มีการเตรียมประสานตำรวจไต้หวันเพิ่มเติม ในการสอบถามข้อมูลซึ่งชุดสืบสวนนครบาล พร้อมออกเดินทางทันที เมื่อได้รับการอนุมัติ
ด้านนายชูวิทย์ ซึ่งก่อนหน้านี้โพสต์แฉว่า มีตำรวจ 1 นาย รับสารภาพว่า มีการเรียกเงินจากนักท่องเที่ยว 27,000 บาทจริง และยังอ้างว่ามีคำสั่งให้ลบคลิปกล้องวงจรปิดต่างๆ ที่เป็นหลักฐาน ล่าสุด นายชูวิทย์ โพสต์เฟซบุ๊กอีกรอบ ระบุว่า ผมรอฟังความจริงจากผู้บัญชาการตำรวจนครบาล หากครั้งนี้ยังโกหกอีกแม้แต่คำเดียว ผมจะแถลงข่าวเปิดโปงให้ดู หลักฐานอยู่ในมือผมแล้ว
#ไต้หวันถูกรีดเงิน
#ตำรวจเรียกรับเงิน
อ่านเพิ่ม https://www.js100.com/en/site/news/view/126217