การตรวจสอบข้อเท็จจริง เพื่อคลี่คลายคดีดาราสาวไต้หวัน อ้างว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจตั้งด่านรีดเงิน พล.ต.ต. ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผู้บังคับการสืบสวนสอบสวน กองบัญชาการตำรวจนครบาล (ผบก.สส.บชน.) เปิดเผยว่า สิ่งแรกที่ต้องทำในวันนี้ (30 ม.ค.66) คือ ประสานตำรวจกองการต่างประเทศ ให้ติดต่อดาราสาวชาวไต้หวัน พร้อมพวกทั้ง 3 คน ให้ข้อมูลอย่างเป็นทางการ ว่าเจ้าหน้าที่คนใดกระทำความผิดตามที่เป็นข่าว หากไม่สะดวกเดินทางมา บก.สืบนครบาล พร้อมที่จะส่งเจ้าหน้าที่บันทึกปากคำ เพื่อให้ได้ข้อมูลที่ชัดเจนและข้อเท็จจริงมากกว่านี้
สำหรับการตรวจสอบภาพวงจรปิด ในเบื้องต้น เป็นมุมภาพจากระยะไกล ค่อนข้างเห็นภาพลำบากเนื่องจากเป็นช่วงเวลากลางคืน จึงจำเป็นต้องสอบปากคำกลุ่มนักท่องเที่ยวชาวไต้หวัน ซึ่งเป็นผู้เสียหายเข้ามาให้ปากคำชี้ชัดไปเลยว่าตำรวจนายใดเป็นผู้กระทำความผิดในวันเกิดเหตุ เพื่อให้ได้ข้อมูลที่ชัดเจน เป็นไปตามระเบียบการร้องทุกข์กล่าวโทษ ต้องมีการสอบปากคำผู้เสียหาย
พล.ต.ต. ธีรเดช กล่าวถึง กรณี ชาย 3 คนที่เดินทางมากับดาราสาว อยู่ระหว่างการตรวจสอบว่าอยู่ที่ใด และ ในเบื้องต้นเชื่อว่าบางคนเป็นไกด์นำเที่ยว อย่างไรก็ตาม ทั้ง 3 คน หากไม่เป็นผู้ร้องเรียน ก็ถือว่าเป็นพยาน รวมถึงบุคคลอื่นที่อยู่ในที่เกิดเหตุ ก็ถือว่าเป็นประจักษ์พยาน ตำรวจชุดสืบสวนนครบาลต้องติดตามมาให้ปากคำเพื่อให้ความจริงปรากฏ ดังนั้น จึงขอประชาสัมพันธ์ หากในวันเกิดเหตุ มีผู้ใดอยู่ที่ด่านดังกล่าวหรือใครที่เป็นผู้ดูแลกลุ่มของผู้เสียหายอยากให้มาติดต่อที่ตนเอง(พล.ต.ต. ธีรเดช) หรือ ทาง บก.สส.บชน. เพื่อให้ข้อมูล โดยทางตำรวจจะเก็บไว้เป็นความลับและจะดูแลเรื่องความปลอดภัย สำหรับประเด็นของบุหรี่ไฟฟ้า ที่ดาราสาวไต้หวัน อ้างว่าถูกตำรวจตรวจค้น และรีดไถเงิน จำนวน 27,000 บาท พล.ต.ต.ธีรเดช ไม่ได้ตอบประเด็นดังกล่าว
สอดคล้องกับ พล.ต.ต.จิรสันต์ แก้วแสงเอก รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล(รอง ผบช.น.) ในฐานะโฆษกกองบัญชาการตำรวจนครบาล เปิดเผยว่า จะให้กองบังคับการต่างประเทศ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ประสานไปที่กระทรวงการต่างประเทศ เพื่อประสานไปยังสำนักงานเศรษฐกิจฯไต้หวัน ซึ่งเป็นหน่วยงานกลางในการประสานเจ้าหน้าที่ตำรวจไต้หวันเพื่อเข้าไปสอบปากคำหญิงสาวคนดังกล่าว หากตำรวจไต้หวันต้องการให้ตำรวจไทยร่วมสอบปากคำด้วยก็พร้อมจะส่งเจ้าหน้าที่ไปร่วมสอบทันที ส่วนเพื่อนชายทั้ง 3 คน ที่เดินทางมาด้วยกันในวันเกิดเหตุ ขณะนี้พบว่าทั้ง 3 คน เดินทางออกนอกประเทศไปแล้ว ตั้งแต่วันที่ 5 ม.ค.66และ 9 ม.ค.66 ซึ่งปลายทางไม่ใช่ที่เดียวกัน
ขณะนี้สอบปากคำพยานไปแล้วกว่า 10 คน เบื้องต้นยังไม่พบหลักฐานว่ามีการเรียกรับเงินตามที่ถูกกล่าวอ้าง ขณะนี้อยู่ในขั้นตอนการตรวจสอบวัตถุพยาน ทั้งกล้องวงจรตามจุดต่างๆ กล้องหน้ารถของคนขับแกร็บ และกล้องคอมแบท คาเมร่า ที่ติดตัวของตำรวจ ทั้งหมดถูกส่งให้กองพิสูจน์หลักฐานแล้ว เบื้องต้นยืนยันแล้วว่ากล้องหน้ารถของคนขับแกร็บไม่สามารถกู้ไฟล์ภาพวิดีโอได้ถึงวันที่เกิดเหตุ เนื่องจาก ระยะเวลาผ่านเลยมานานกว่า 20 วัน แต่ในส่วนอื่นๆ ขณะที่อยู่ระหว่างการตรวจสอบเพิ่มเติม ขณะนี้ ผบก.น.1 สั่งตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงกับตำรวจที่ปฏิบัติหน้าที่ในวันดังกล่าว โดยมีการสอบตำรวจที่อยู่ในเหตุการณ์ดังกล่าว ส่วนข้อกฎหมายเรื่องการตรวจค้นพบบุหรี่ไฟฟ้านั้นเป็นสิ่งผิดกฎหมาย ยืนยันสามารถดำเนินคดีได้ตาม พ.ร.บ.ศุลกากร ขณะนี้หลักฐานที่ปรากฏยังไม่พบว่ามีใครยัดบุหรี่ไฟฟ้าให้สาวชาวไต้หวันตามที่กล่าวอ้าง
พล.ต.ต.จิรสันต์ กล่าวว่า เรื่องที่เกิดขึ้นยอมรับว่าส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ และกระทบถึงความเชื่อมั่นการท่องเที่ยวในประเทศไทย จึงต้องการให้ดาราชาวไต้หวันเข้ามาชี้แจงข้อเท็จจริงกับตำรวจเพื่อให้กระจ่างมากขึ้น และขอให้สังคมออนไลน์ ติดตามข้อมูลต่างๆ ที่เจ้าหน้าที่ตำรวจเท่านั้น ยืนยันว่าไม่ได้ปกป้องหรือทำลายพยานหลักฐานต่างๆ เพื่อช่วยเหลือเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดดังกล่าว ทั้งนี้ หากพบว่ามีการรีดทรัพย์สาวชาวไต้หวันจริงก็จะดำเนินการโดยไม่ละเว้นทางวินัยและอาญา
ขณะที่ พล.ต.ท. ธิติ แสงสว่าง ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล(ผบช.น.) ร่วมประชุมติดตามความคืบหน้าของคดี ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล พร้อมทั้งเปิดเผยว่าขณะนี้อยู่ระหว่างรวบรวมข้อมูลจากหลายหน่วย สั่งการให้ไปหาข้อเท็จจริงให้ได้มากที่สุด ก่อนจะนำมารวบรวมและดูว่าข้อมูลที่ได้มามีความสัมพันธ์กันอย่างไร
นอกจากนี้ รายงานระบุว่า พยานชาวสิงคโปร์ อ้างว่า เป็นนักท่องเที่ยวกลุ่มเดียวกับสาวไต้หวัน และอ้างว่าเป็นผู้จ่ายเงิน 27,000 บาท ให้กับกลุ่มคนนอกเครื่องแบบ ซึ่งเชื่อว่าเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ โดยจ่ายแทนสาวไต้หวัน มีรายงานว่า ฝ่ายสืบสวนตำรวจนครบาลทราบความเคลื่อนไหวนี้ และได้ติดต่อให้หญิงสาวคนนี้พาพยานมาพบตำรวจ โดยยืนยันจะให้ความเป็นธรรม หากมีเจ้าหน้าที่กระทำผิดจริง พร้อมสั่งให้ออกจากราชการทันที และดำเนินคดีให้ถึงที่สุด
#ดาราไต้หวัน
CR:ข้อมูล-ภาพ Police TV by UCI Media