การประชุมรับฟังความเห็นประชาชน ครั้งที่ 2 โครงการทางพิเศษสายฉลองรัช-นครนายก-สระบุรี ช่วงจตุโชติ ถนนวงแหวนรอบนอกกรุงเทพมหานคร รอบที่ 3 (MR10) ช่วยลดปัญหาการจราจรอย่างเป็นระบบในพื้นที่กรุงเทพฯ จ.ปทุมธานี จ.นครนายก และ จ.สระบุรี
การทางพิเศษแห่งประเทศไทย (กทพ.) จึงได้วางแผนการต่อขยายโครงข่ายทางพิเศษฉลองรัชไปที่จ.นครนายก และ จ.สระบุรี เพื่อเป็นทางเลือกในการเดินทางที่สะดวก และ รวดเร็ว เป็นการเพิ่มโครงข่ายถนน แบ่งเบาปริมาณการจราจรที่ติดขัดของถ.รังสิต-นครนายก และ ถ.พหลโยธิน และ พัฒนาพื้นที่ในจังหวัดดังกล่าวด้วย
นายสุรเชษฐ์ เหล่าพูลสุข ผู้ว่าการการทางพิเศษแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า การประชุมในวันนี้เป็นการรับฟังความเห็นและหาข้อสรุปเพื่อเป็นประโยชน์ให้กับชุมชน เป็นการนำเสนอผลการศึกษา มาตรการป้องกันและแก้ไขผลกระทบสิ่งแวดล้อมของโครงการให้ผู้ที่เกี่ยวข้องได้รับทราบ
โครงการนี้มีจุดเริ่มต้นบริเวณทางพิเศษฉลองรัชที่ด่านจตุโชติ ยกระดับข้ามถนนวงแหวนรอบนอกกรุงเทพมหานครด้านตะวันออก(ถนนกาญจนาภิเษก) ไปทางทิศตะวันออก ถนนหทัยราษฎร์ ถนนนิมิตใหม่ จากนั้นจะลดระดับลงสู่พื้นที่บริการทางพิเศษ จากนั้นจะเริ่มยกระดับอีกครั้งผ่านถนนคลองเก้า และเลี้ยวไปทางทิศเหนือเชื่อมต่อถนนลำลูกกา ใกล้คลองหกวาสายล่าง ปทุมธานี และสิ้นสุดโครงการ โดยเชื่อมต่อ MR10 บริเวณแขวงคลองสิบ เขตหนองจอก และโครงการนี้สามารถไปเชื่อมต่อกับโครงการMR6 กาญจนบุรี(ด่านพุน้ำร้อน)-สระแก้ว(ด่านอรัญประเทศ) ของกรมทางหลวงได้ในอนาคต ระยะทางโครงการประมาณ 19 กิโลเมตร
น.ส.จริยา ทองจันทึก ผู้เชี่ยวชาญด้านวิศวกรรม เศรษฐกิจและการเงิน เปิดเผยว่า การเปิดเวทีในครั้งนี้ เพื่อรับฟังความคิดเห็นนำไปปรับปรุงโครงการให้ดีขึ้น โครงการนี้ของกทพ.ไปเชื่อมต่อกับ MR10 กรมทางหลวง จึงปรับแนวการศึกษาผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม เพื่อจัดทำรายงานการขอเปลี่ยนแปลงรายละเอียดของโครงการในรายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม และทบทวนปรับการออกแบบรายละเอียดโครงการให้แล้วเสร็จ เพื่อเตรียมการก่อสร้าง และคาดว่าจะสามารถเปิดให้บริการได้ในปี 2570 เก็บค่าผ่านทางตามระยะทางและปรับค่าผ่านทางทุก 5 ปี
นายทรงฤทธิ์ นนทนำ ผู้ชำนาญการด้านสิ่งแวดล้อม ชี้แจงเรื่องรายงานผลกระทบสิ่งแวดล้อม เรื่องคุณภาพอากาศ เสียง การสั่นสะเทือนในช่วงงานก่อสร้าง การคาดการณ์ปริมาณการจราจร รวมทั้ง การสำรวจด้านเศรษฐกิจและสังคม ซึ่งการกำหนดมาตรการเพิ่มเติมแบ่งการทำงานออกเป็น 3 ส่วน
-ช่วงเตรียมการก่อสร้าง มีการเข้าพื้นที่ การเวนคืน การรื้อย้ายระบบสาธารณูปโภค ซึ่งกทพ.จะประสานงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น การรื้อย้ายระบบโครงข่ายไฟฟ้าของ 3 การไฟฟ้า
-ช่วงการก่อสร้าง จะมีปัญหาเรื่องฝุ่นละออง คุณภาพอากาศ การคมนาคมขนส่ง การขนย้ายวัสดุอุปกรณ์ แรงสั่นสะเทือน เรื่องเสียง และการเตรียมมาตรการฉุกเฉิน
-ระยะดำเนินการและเมื่อโครงการเสร็จ จะมีแนวทางการติดตามดูแลเรื่องการบำรุงรักษา
เวทีรับฟังความเห็น มีการแสดงความเห็นหลากหลาย โดยเฉพาะแนวทางการเวนคืนที่ดินที่จะนำมาก่อสร้างและการบริหารจัดการพื้นที่ที่ดินที่เหลือน้อย น.ส.จริยา ชี้แจงว่า หลังจากตราพระราชกฤษฎีกากำหนดการเวนคืน ฝ่ายกรรมสิทธิ์ที่ดินของกทพ.จะลงพื้นที่ได้ตามกฎหมาย เพื่อให้คำแนะนำ ขอรังวัดและสำรวจสิ่งปลูกสร้าง เพื่อประเมินค่าเสียโอกาส ค่าสิ่งปลูกสร้างด้วย บางกรณีที่ถูกเวนคืนและเหลือพื้นที่น้อย เจ้าหน้าที่จะพิจารณาเวนคืนพื้นที่ทั้งผืน
ผู้ว่าฯ กทพ. ยืนยันว่าจะดูแลเรื่องสิทธิ์ของประชาชน ส่วนเรื่องอื่นๆดำเนินการตามขั้นตอน ให้คำมั่นว่าจะทำให้ดีที่สุด และโครงการนี้นับเป็นความหวังของกทพ.ในการแก้ปัญหา
#การทางพิเศษแห่งประเทศไทย
#โครงการทางพิเศษสายฉลองรัช
CR:กทพ.หอกระจายข่าว เพจ,โครงการทางพิเศษสายฉลองรัช-นครนายก-สระบุรี