โอไมครอน BN.1.2 และ BN.1.3 ระบาดในไทยมากที่สุดในโลก คาด Q1 จะมาแทนที่ BA.2.75

09 มกราคม 2566, 11:10น.


          Center for Medical Genomics รายงานว่า จากการวิเคราะห์ข้อมูลรหัสพันธุกรรมโควิด-19 ทั้งจีโนมที่หน่วยงานไทยนำโดยกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ฯและภาคี ที่ได้อับโหลดไว้บนฐานข้อมูลโควิดโลก “GISAID” ใน 1 เดือนที่ผ่านมา (1ธันวาคม 2565-6 มกราคม 2566) จำนวน 161 ตัวอย่าง พบว่าเป็นโอไมครอนสายพันธุ์ย่อย BN.1.3 ซึ่งมีส่วนแบ่งการระบาดในไทยเพิ่มขึ้นถึง 45% ติดตามด้วย BN.1.2 ประมาณ 16% ส่วนอันดับที่ 3 ห่างจากอันดับหนึ่งและสองค่อนข้างมากคือ โอไมครอน CH.1.1 มีส่วนแบ่งการระบาดในประเทศประมาณ 5%



          โอไมครอน BN 1.3, BN.1.2 และ CH1.1 เป็นรุ่นลูกและรุ่นหลานของโอไมครอน BA.2.75 ซึ่งปัจจุบันมีส่วนแบ่งการระบาดในเดือนธันวาคม 2565 ลดลงเหลือเพียงประมาณ 1%



 



 





 



          โอไมครอน BN.1.2 เดิมพบระบาดในญี่ปุ่น 18.0% เดนมาร์ก 12.0% ออสเตรเลีย 12.0% สหรัฐฯ 9.0% เกาหลีใต้ 9.0% แต่ปัจจุบันพบระบาดในกัมพูชามากที่สุดในโลกถึง 27% รองลงมาคือไทย 24%





          โอไมครอน BN.1.3 เดิมพบการระบาดในสหรัฐอเมริกา 16.0% ออสเตรเลีย 13.0% เยอรมนี 10.0% ญี่ปุ่น 9.0% เกาหลีใต้ 9.0% ปัจจุบันพบระบาดในประเทศไทยมากที่สุดในโลกถึง 34% รองลงมาคือกัมพูชา 16%



          ในไทยพบโอไมครอนสายพันธุ์ย่อย BN.1.3 มีส่วนแบ่งการระบาดมากที่สุดถึง 45% จากการวิเคราะห์รหัสพันธุกรรมทั้งจีโนมพบโปรตีนส่วนหนามมีการกลายพันธุ์ต่างไปจากโอไมครอน BA.2.75 จำนวน 4 ตำแหน่งคือ G339H, R346T, K356T, และ F490S ส่งผลให้ BN.1.3 จับกับผิวเซลล์ผู้ติดเชื้อได้แน่นกว่าโอไมครอน XBB.1.5 แต่หลบเลี่ยงภูมิคุ้มกันได้น้อยกว่า XBB.1.5 และ BQ.1.1



          ส่วนเดลตาครอน XAY.2 ที่พบในไทยหนึ่งรายมีความได้เปรียบในการเติบโต-แพร่ระบาด (relative growth advantage) ใกล้เคียงกับ XBB.1.5 ไม่มากนักคือประมาณ 34% 



          เดลตาครอน XAY.1.1 คำนวณจากรหัสพันธุกรรมพบว่ามีความสามารถในการหลบเลี่ยงภูมิคุ้มกันและการจับกับผิวเซลล์ที่ด้อยกว่าโอไมครอน BN.1.3 และ XBB.1.5 ตามลำดับ ทำให้พอประเมินจาก XAY.1.1 ได้ว่า XAY.2 ที่พบในไทย 1 ราย (ซึ่งยังไม่มีจำนวนตัวอย่างที่ถูกถอดรหัสพันธุกรรมทั้งจีโนมมากพอที่จะคำนวณหาประสิทธิภาพการหลบเลี่ยงภูมิคุ้มกันและการจับกับผิวเซลล์) น่าจะฝ่าด่านโอไมครอน BN.1.3 เข้ามาแพร่ระบาดในไทยได้ยาก



          จากการถอดรหัสพันธุกรรมทั้งจีโนมของโควิด-19 ในช่วง 1 เดือนที่ผ่านมา พบว่า โอไมครอนสายพันธุ์หลักในสหรัฐฯ “XBB.1.5” ยังคงครองความได้เปรียบในการเติบโต-แพร่ระบาด (relative growth advantage) เหนือกว่าโควิด-19ทุกสายพันธุ์ในโลก และมากกว่าโอไมครอน “BN.1.3” ที่กำลังระบาดในไทยถึง 112 % 



          ในขณะที่ BN.1.2 และ BN.1.3 มีความได้เปรียบในการเติบโต-แพร่ระบาด (relative growth advantage) เหนือกว่า BA.2.75 ไม่มากนักคือประมาณ 36% และ 33% ตามลำดับ



 





 



          ดังนั้นจึงมีความจำเป็นอย่างมากที่หน่วยงานที่เกี่ยวข้องด้านสาธารณสุขไทยทั้งภาครัฐ จิตอาสา และเอกชนต้องช่วยกันสุ่มตรวจ PCR และถอดรหัสพันธุกรรมโควิด-19 ทั้งจีโนม (genomic surveillance) ที่พบการติดเชื้อในประเทศไทยอย่างต่อเนื่องและในทันทีเพื่อชี้เป้าให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าควบคุมจำกัดวงการระบาดของโควิด-19 สายพันธุ์ใหม่ รวมทั้งมีข้อมูลล่าสุดของการกลายพันธุ์ของโควิด-19เพื่อเตรียมวัคซีนในการป้องกันการเจ็บป่วยรุนแรงและเสียชีวิต และเตรียมความพร้อมด้านยาต้านไวรัสที่เหมาะสมเพื่อการรักษาลดระยะเวลาของผู้ติดเชื้อในการเข้ารักษาตัวในรพ.ให้สั้นลงและลดอัตราการเสียชีวิตจากการติดเชื้อโควิด-19โดยเฉพาะในกลุ่มเปราะบาง 608 เมื่อมีการติดเชื้อได้ทันท่วงที



 



#โควิดโอไมครอน



CR:ข้อมูล-ภาพ  Center for Medical Genomics

ข่าวทั้งหมด

X