ในที่สุดแล้ว นายเควิน แมคคาร์ธี ส.ส.รัฐแคลิฟอร์เนีย ตัวแทนพรรครีพับลิกัน วัย 57 ปี ได้รับเลือกให้เป็นประธานสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ และผู้นำฝ่ายนิติบัญญัติ หลังจากการเจรจาหลายวันและการลงคะแนนเสียงถึง 15 รอบ เนื่องจาก นายแมคคาร์ธี ไม่สามารถรวบรวมเสียงสนับสนุนได้ ทั้งๆที่ พรรครีพับลิกัน ชนะการเลือกตั้งกลางเทอม เมื่อเดือนพ.ย.65 ครองเสียงข้างมากในสภาผู้แทนราษฎร 222 ที่นั่ง ขณะที่ พรรคเดโมแครตของประธานาธิบดีโจ ไบเดน ได้ 212 ที่นั่ง
การประชุมเลือกตั้งประธานสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ ที่ยืดเยื้อ นับเป็นลงคะแนนเลือกประธานสภาผู้แทนราษฎรที่ใช้เวลายาวนานที่สุดครั้งแรกในรอบ164 ปี นับเป็นอีกหนึ่งหน้าประวัติศาสตร์การเมืองสหรัฐฯ
การโหวตในรอบที่ 15 หรือ รอบสุดท้าย นายแมคคาร์ธี ได้ 216 เสียง ขณะที่ นายฮาคีม เจฟฟรีย์ จากพรรคเดโมแครตได้ 212 เสียง งดออกเสียง 6 เสียง ทันทีที่ได้รับการคัดเลือกในที่ประชุมได้ปรบมือแสดงความดีใจ เนื่องจาก การโหวตเลือกประธานสภาผู้แทนราษฎรเสร็จเรียบร้อยแล้ว หลังจากนี้ จะมีการสาบานตนและสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ เดินหน้าพิจารณาหัวข้อการประชุมอื่นๆต่อไป
ประธานาธิบดี โจ ไบเดน ผู้นำสหรัฐฯ ออกแถลงการณ์แสดงความยินดีกับนายแมคคาร์ธี โดยระบุว่า ทั้งตัวเขาและนางจิลล์ ไบเดน สุภาพสตรีหมายเลข 1 ขอแสดงความยินดีด้วยและพร้อมที่จะทำงานกับพรรครีพับลิกัน และคาดหวังว่าพรรครีพับลิกันพร้อมที่จะทำงานกับเขาเช่นกัน ขณะนี้ได้มีการตัดสินใจเลือกผู้นำสภาผู้แทนราษฎรแล้ว ก็ถึงเวลาที่กระบวนการดังกล่าวจะเริ่มขึ้น
นายแมคคาร์ธี ทำหน้าที่แทนนางแนนซี เปโลซี ประกาศลงจากตำแหน่งผู้นำพรรคเดโมแครตในสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯที่เธอทำหน้าที่สำคัญมาเกือบสองทศวรรษ
นายเควิน ได้สาบานตนรับตำแหน่งต่อหน้าสมาชิกสภาคองเกรสชุดที่ 118 เดินหน้าทำงานโดยเฉพาะเรื่องการแข่งขันทางด้านเศรษฐกิจ พร้อมทั้งได้กล่าวสุนทรพจน์ครั้งแรกในฐานะประธานสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ ว่า "ตอนนี้การทำงานหนักเริ่มต้นขึ้นแล้ว สิ่งที่เราทำที่นี่วันนี้ สัปดาห์หน้า เดือนหน้า ปีหน้า จะเป็นตัวกำหนดทิศทางสำหรับทุกสิ่งที่ตามมา นายแมคคาร์ธี ยังใช้คำพูดเพื่อพูดคุยกับชาวอเมริกันโดยตรง ในฐานะประธานสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ ความรับผิดชอบสูงสุดของฉันไม่ใช่ต่อพรรคของฉัน การประชุมของฉัน หรือแม้แต่รัฐสภาของเรา ความรับผิดชอบของฉัน ความรับผิดชอบของเรา คือต่อประเทศของเรา"
#ประธานสภาฯสหรัฐฯ
รายละเอียดเพิ่มเติม:https://www.js100.com/en/site/news/view/125432
CR:CNN,AP