แม้จีนกำลังเผชิญการแพร่ระบาดโควิด-19ในระยะนี้ แต่ในฐานะประเทศที่มีขนาดเศรษฐกิจใหญ่เป็นอันดับที่2 ของโลก จีนยังคงเดินหน้าเปิดประเทศ โดยอนุญาตให้นักท่องเที่ยวต่างชาติเข้าประเทศได้ โดยไม่ต้องกักตัว มีผลตั้งแต่วันอาทิตย์ที่ 8 มกราคมนี้ ขณะเดียวกัน นักท่องเที่ยวจีนจำนวนมากก็แห่ที่จะไปท่องเที่ยวต่างแดนกันอย่างล้นหลาม หลังกักตัวอยู่แต่ในประเทศ ตามนโยบายกักตัวเข้มงวดของจีนตลอด 3 ปีที่ผ่านมา
นายซอง เซ็งวุน นักเศรษฐศาสตร์จากธนาคารซีไอเอ็มบีมองว่า ธุรกิจการท่องเที่ยวในกลุ่มอาเซียน 11 ประเทศ เช่น กัมพูชา อินโดนีเซียและสิงคโปร์จะฟื้นตัวอีกครั้ง หลังจีนยกเลิกข้อกำหนดเรื่องการเดินทาง เนื่องจากประเทศส่วนใหญ่ในกลุ่มอาเซียนไม่มีมาตรการคุมเข้มนักท่องเที่ยวจีน ไม่เหมือนบางประเทศเช่น สหรัฐฯ กลุ่มสหภาพยุโรป ญี่ปุ่น ออสเตรเลีย และอินเดีย ที่คุมเข้มเรื่องการตรวจคัดกรองโรคโควิด-19 เพื่อสกัดการแพร่ระบาดของของโรคโควิด-19
ส่วนประเทศไทยและมาเลเซียเพียงแต่ใช้วิธีเฝ้าระวังและตรวจตัวอย่างน้ำเสียจากเครื่องบินโดยสารทุกเที่ยวบินที่มาจากประเทศจีน เพื่อตรวจหาเชื้อไวรัส แต่ไม่มีมาตรการเพิ่มเติมเพื่อคุมเข้มการเดินทางของนักท่องเที่ยวจีน ด้านนายกรัฐมนตรีอันวาร์ อิบราฮิมของมาเลเซีย ระบุว่า มาเลเซียไม่มีนโยบายกีดกันนักท่องเที่ยวต่างชาติ
นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่ คาดว่า นักท่องเที่ยวจีนจะเลือกเดินทางไปยังประเทศที่มีข้อจำกัดในการเดินทางน้อยที่สุด เช่น ไม่มีข้อกำหนดเรื่องการตรวจโรคก่อนเดินทาง ทำให้กลุ่มอาเซียนได้รับประโยชน์มากที่สุดจากการเปิดประเทศของจีน ยิ่งสนามบินระดับภูมิภาคของประเทศต่างๆในกลุ่มอาเซียนมีผู้โดยสารแออัดมากเพียงไร ยิ่งจะเกิดผลต่อดีเศรษฐกิจของประเทศในกลุ่มอาเซียน
ด้านนักวิจัยจากธนาคารซิตี้แบงก์ระบุว่า ก่อนหน้านี้ นักท่องเที่ยวจีน 155 ล้านคนไปเที่ยวต่างแดนในปี 2562 ใช้จ่ายเงินรวม 254,600 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือเกือบเท่าๆกับตัวเลขจีดีพีของเวียดนาม คาดว่า การเปิดประเทศของจีนจะช่วยให้การท่องเที่ยวของกลุ่มอาเซียนเริ่มฟื้นตัวในช่วงไตรมาสที่ 2 ของปีนี้ ขณะเดียวกัน ประเทศไทย คาดว่า จะมีนักท่องเที่ยวจีน 5 ล้านคนมาเที่ยวในประเทศไทยในปีนี้ หรือครึ่งหนึ่งของจำนวนนักท่องเที่ยว 10.99 ล้านคนในปี 2562
#กลุ่มอาเซียน
#อุตสาหกรรมท่องเที่ยว
#แผนรับมือนักท่องเที่ยวจีน