ก่อนเป็นประธานการประชุมเตรียมความพร้อมรับผู้เดินทางเข้าประเทศจากสาธารณรัฐประชาชนจีน ผ่านระบบ Video Conference ร่วมกับ 4 กระทรวงและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ กระทรวงสาธารณสุข กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กระทรวงคมนาคม และกระทรวงต่างประเทศ นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรมว.สาธารณสุข เปิดเผยว่า การประชุมในวันนี้เพื่อหารือและรับทราบถึงมาตรการที่จะใช้รองรับสถานการณ์ให้เกิดประโยชน์สูงสุดกับคนไทยและประเทศไทย โดยกรมควบคุมโรคเป็นผู้กำหนดมาตรการตามหลักวิชาการ โดยต้องพยายามอย่างเต็มที่ในการปฏิบัติต่อประเทศทุกประเทศอย่างเท่าเทียมกัน เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ เราไม่ได้มีปัญหาความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ เรามีความสัมพันธ์ที่ดีกับประเทศจีน ประเทศจีนกับไทยช่วยเหลือเกื้อกูลมาโดยตลอด ความสัมพันธ์ทางด้านเชื้อชาติ ความสัมพันธ์ทางด้านเป็นมิตรประเทศ เรากับจีนไม่เคยมีปัญหากัน
เบื้องต้นจะใช้มาตรการที่มีอยู่แล้วเดิมให้มากที่สุด วันนี้เรารับนักท่องเที่ยวจากทั่วโลก จากใกล้ ๆ จีนก็มี ไต้หวันก็มี ฮ่องกงก็มี สิงคโปรก็มี เวียดนาม ยุโรป ทุกประเทศ ซึ่งแต่ละประเทศมีการติดเชื้อโควิด-19 ในแต่ละวันทุกประเทศ สิ่งที่เรามุ่งเน้นก็คือ ตัวเราเองต้องหุ้มเกราะให้เรียบร้อยเสียก่อน เน้นให้คนไทยทุกคนควรจะฉีดวัคซีน 4 เข็ม เพื่อความปลอดภัย เพื่อลดความเสี่ยงของการป่วยหนักและเสียชีวิต นอกจากนั้นก็ใช้มาตรการเดิม ถ้าเราเข้าไปในที่สุ่มเสี่ยงก็ใส่หน้ากากอนามัย ให้การบริการนักท่องเที่ยว ให้การบริการแม้กระทั่งคนในประเทศเองถ้าอยู่ในบริกรก็ยังต้องใส่หน้ากากอนามัย เราทำตามมาตรฐานที่เป็นสากลทั่วไป จริง ๆ ของเรามากกว่าประเทศอื่น ๆ ด้วยซ้ำ
มาตรการคัดกรองนักท่องเที่ยวจีนเราใช้แค่ ATK หรือ RT-PCR นายอนุทิน กล่าวว่า ตอนนี้ยังไม่มี เพราะว่าจีนมีมาตรการคัดกรองก่อนออกจากประเทศอยู่แล้ว และเมื่อมาถึงประเทศไทยก่อนกลับไปประเทศจีนก็ต้องตรวจ RT-PCR 48 ชั่วโมง เราก็เตรียมเรื่องของสถานที่ให้บริการ มีการขึ้นทะเบียนกับสถานทูตจีนว่า โรงพยาบาลไหน คลินิกห้องแลปไหนที่สามารถตรวจ RT-PCR ให้กับนักท่องเที่ยวจีน หรือผู้ที่จะเดินทางไปประเทศจีนก่อนเข้าประเทศไทย ซึ่งผมถือว่าเป็นการคัดกรองโดยธรรมชาติอยู่แล้ว และเพื่อความสะดวกควรจะต้องมีประกันสุขภาพด้วย ซึ่งนักท่องเที่ยวส่วนใหญ่ที่มาประเทศไทยก็มีประกันสุขภาพอยู่แล้ว
ส่วนหนึ่งของค่าเหยียบแผ่นดินทางกระทรวงท่องเที่ยวฯก็ได้ชี้แจงมาให้ทางกระทรวงสาธารณสุขได้รับทราบว่า เปรียบเสมือนเป็นการทำประกัน ถ้าเกิดจะต้องให้การดูแลรักษานักท่องเที่ยวที่เจ็บป่วย ไม่เฉพาะโรคโควิดอย่างเดียวจะได้มีงบประมาณ อย่างไรก็ตาม ในระบบสาธารณสุขของประเทศไทย สปสช.ก็มีงบประมาณอยู่ก้อนหนึ่งที่จะให้การดูแลคนต่างชาติ นักท่องเที่ยวที่มาในประเทศไทยเบื้องต้น ซึ่งเราไม่มีปัญหาเรื่องนี้
สิ่งที่เราทำมาในอดีต การดูแลนักท่องเที่ยว ระบบสาธารณสุขที่เข้มแข็ง คนไทยมีความรอบรู้ทางด้านสุขภาพจำนวนมาก ทำให้คนต่างประเทศเชื่อมั่นในคนไทย ก็โหวตอยากมาเมืองไทยกันทั้งนั้น ในเมื่อเขาอยากมาเมืองไทยกันเยอะ ๆ แล้วเราบอกว่า อย่าเพิ่งเข้ามา เราไม่พร้อม เราไม่ต้อนรับ แล้วที่เราเสียหายไปจะทำอย่างไร ตอนนี้เป็นโอกาสที่จะตีคืนในสิ่งที่เราเสียหายไป และเรามีความพร้อม เช่น คนไทยได้รับวัคซีนแล้วจำนวนมาก คนไทยติดโควิดมาระดับหนึ่งซึ่งเป็นภูมิคุ้มกันโดยธรรมชาติเพิ่มขึ้น ยา เวชภัณฑ์ วัคซีน เตียง หมอ พยาบาล อสม.มีความพร้อมและเข้าใจการรักษาในสถานการณ์โรคโควิด ทุกอย่างเป็นปัจจัยบวกที่ทำให้เราให้การต้อนรับนักท่องเที่ยวที่จะมากระตุ้นเศรษฐกิจ ซึ่งการให้บริการนักท่องเที่ยวเป็นจุดแข็งของเรา
เบื้องต้นคาดว่า ตัวเลขนักท่องเที่ยวจีนที่จะเข้ามาประเทศไทยหลังวันที่ 8 ม.ค. 2566 ลอตแรก นายอนุทิน กล่าวว่า ในภาพรวมช่วงเดือนแรก ๆ ประมาณ 4-5 หมื่นคน ซึ่งอยู่ในวิถีที่เรารับมือได้อยู่แล้ว เราเคยรับมือนักท่องเที่ยวมาปีหนึ่ง 30-40 ล้านคน ตอนนี้เพิ่งกลับเข้ามาปีหนึ่งยังไม่ถึง 10 ล้านคน
#โควิดไทย
CR:ภาพจากรัฐบาลไทย