นายวิศักดิ์ วัฒนศัพท์ ผู้อำนวยการสำนักงานกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง (สกนช.) เปิดเผยว่า ภาพรวมสถานการณ์ราคาน้ำมันเชื้อเพลิงในตลาดโลก มีการปรับตัวขึ้นอย่างรวดเร็วจากความขัดแย้งระหว่าง รัสเซีย-ยูเครน ทำให้ราคาน้ำมันดีเซล ปี 2565 เฉลี่ยอยู่ที่ 135.54 เหรียญต่อบาร์เรล เพิ่มขึ้นจากปี 2564 ถึงร้อยละ 74.26 ซึ่งจากการที่กองทุนฯ เข้ามาสนับสนุนการขับเคลื่อนมาตรการเร่งด่วนเพื่อบรรเทาผลกระทบต่อประชาชน โดยทยอยขึ้นราคาก๊าซหุงต้ม (LPG) จากที่ตรึงไว้ 318 บาท/ ถัง 15 กก. มาอยู่ที่ 408 บาท/ถัง และตรึงราคาดีเซลไม่ให้เกิน 35 บาทลิตร ทำให้ฐานะกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงเมื่อสิ้นเดือนพฤศจิกายน 2565 มีสถานะติดลบ กว่า 130,000 ล้านบาท
หลังจากที่คณะรัฐมนตรีออก พ.ร.ก.ผ่อนผันให้กระทรวงการคลังค้ำประกันการชำระหนี้ของ สกนช. กรอบวงเงิน 150,000 ล้านบาท ซึ่งได้ดำเนินการกู้กับธนาคารกรุงไทยและสถาบันการเงินรอบแรก 30,000 ล้านบาท ส่งผลให้สภาพคล่องของกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงติดลบลดลง ณ วันที่ 1 มกราคม 2566 ติดลบที่ 121,491 ล้านบาท
ต่อมาในช่วงปลายเดือนพฤศจิกายน ถึง ธันวาคม 2565 ราคาน้ำมันโลกเริ่มลดลง ทำให้กองทุนฯ เก็บเงินเพิ่มขึ้นอีกประมาณ 8,000 ล้านบาท ทำให้มีสภาพคล่องเพิ่มขึ้น แต่คาดว่าในช่วงเดือนมกราคม ถึง กุมภาพันธ์ 2566 จะมีการเสนอ สำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ กระทรวงคลังขอกู้อีกประมาณ 30,000 เพื่อทยอยคืนเงิน โดยเป็นกู้ตามกรอบวงเงินที่ยังสามารถกู้ได้เพิ่มอีก 120,000 แสนล้านบาท หากสถานการณ์ราคาน้ำมัน ไม่มีความผันผวน จะสามารถชำระหนี้คืนได้
สำหรับในปี 2566 สำนักงานกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง ยืนยันจะบริหารจัดการสภาพคล่องของกองทุนฯ เพื่อรักษาเสถียรภาพ ราคาน้ำมันเชื้อเพลิงในประเทศให้เหมาะสม ภายใต้สถานการณ์ที่ยังมีความความผันผวน จากการสู้รบในรัสเซีย-ยูเครน และด้านเศรษฐกิจ
...
#กองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง