ซีเอ็นเอ็นรายงานอ้างศูนย์ควบคุมและป้องกันโรค(CDC)ของสหรัฐฯและนางภาวิตรา รอยชูรี ผู้อำนวยการแผนกตรวจคัดแยกพันธุกรรมของเชื้อไวรัสประจำห้องปฏิบัติการจุลชีววิทยา คณะแพทย์ศาสตร์มหาวิทยาลัยวอชิงตัน สหรัฐฯว่า นักจุลชีววิทยาและนักระบาดวิทยาส่วนใหญ่ของสหรัฐฯ คาดว่า เชื้อไวรัส XBB.1.5 ซึ่งเป็นสายพันธุ์ย่อยจากไอไมครอนและปัจจุบันมีสัดส่วนผู้ป่วยใหม่ร้อยละ 41 ของผู้ป่วยทั้งหมดในสหรัฐฯ จะก้าวขึ้นมาเป็นสายพันธุ์หลักที่ระบาดระลอกใหม่ในสหรัฐฯในอนาคตอันใกล้ อีกทั้งจะแซงหน้า สองสายพันธุ์หลัก ซึ่งแยกย่อยมาจากไอไมครอนคือ สายพันธุ์ BQ.1 และสายพันธุ์ BQ.1.1 ที่ระบาดในสหรัฐฯในปัจจุบัน
ในเบื้องต้น ผู้เชี่ยวชาญของสหรัฐฯยังไม่ทราบชัดเจนว่า การระบาดระลอกใหม่ของไวรัส XBB.1.5 จะรุนแรงเพียงใด เช่น มีผู้ป่วยมากน้อยเพียงไร และจะทำให้ผู้ป่วยเจ็บป่วยหนักกว่าเดิมจนต้องเข้าพักรักษาตัวในโรงพยาบาลหรือไม่ ขณะที่ผู้เชี่ยวชาญบางคนเช่น นายเทรเวอร์ เบดฟอร์ด ผู้เชี่ยวชาญจากศูนย์มะเร็งเฟร็ด ฮัทชินสันในเมืองซีแอตเทิล สหรัฐฯ คาดว่า การระบาดของไวรัส XBB.1.5 จะทำให้มีผู้ป่วยใหม่เพิ่มขึ้นในลักษณะเดียวกับไวรัสโอไมครอนสายพันธุ์ดั้งเดิมที่ระบาดในสหรัฐฯเมื่อปีก่อน รวมถึงสายพันธุ์ BA.5 อีกหนึ่งสายพันธุ์ย่อยจากโอไมครอน ที่ระบาดในสหรัฐฯในช่วงฤดูร้อน(ระหว่างมิถุนายน-สิงหาคม)ปีที่แล้ว มีผู้ป่วยใหม่และจำนวนคนไข้ที่รักษาตัวในโรงพยาบาลเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว
CDC กล่าวถึงสถานการณ์การระบาดของสายพันธุ์ XBB.1.5 ในสหรัฐฯในช่วง 4 สัปดาห์ที่ผ่านมาจนถึงสิ้นเดือนธันวาคมปีที่แล้วว่า ผู้ป่วยใหม่จากไวรัส XBB.1.5 เพิ่มขึ้นในอัตราสูงกว่าสองเท่าในแต่ละสัปดาห์ จากร้อยละ 4 มาเป็นร้อยละ 41 โดยเฉพาะในพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือของสหรัฐฯเช่น รัฐนิวยอร์ก CDC พบว่า ร้อยละ 75 ของผู้ป่วยใหม่ป่วยจากไวรัส XBB.1.5
ก่อนหน้านี้ ฐานข้อมูลรหัสพันธุกรรมจีโนมของโควิดโลก(GISAID)ซึ่งเป็นฐานข้อมูลที่ช่วยให้กระทรวงสาธารณสุขทั่วโลกทราบการระบาดของไวรัสกลายพันธุ์ใหม่ ชี้ว่า สหรัฐฯพบผู้ป่วยจากไวรัส XBB.1.5 รายแรกๆในรัฐนิวยอร์กและรัฐคอนเนทิคัต ปลายเดือนตุลาคมปีที่แล้ว
สหรัฐฯ มีผู้ป่วยรายใหม่ 15,776 คนในรอบ 24 ชั่วโมง ผู้ป่วยสะสมอยู่ที่ 102,747,552 คน เสียชีวิต 1,118,757 ราย
#สหรัฐฯ
#สายพันธุ์ย่อยโอไมครอน
#สถานการณ์โควิด