น.ส.ทิพานัน ศิริชนะ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า สำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) รายงานว่าดัชนีความเชื่อมั่นผู้ประกอบการ SMEs หรือ SMESI อยู่ที่ระดับ 53.8 เพิ่มขึ้นติดต่อกันเป็นระยะเวลา 4 เดือน และสูงสุดในรอบ 11 เดือนซึ่งมีปัจจัยมาจากการขยายตัวต่อเนื่อง ของภาคการท่องเที่ยวและ ภาคการค้าที่ชัดเจนจนเกือบเป็นปกติ
ส่วนในรายภาคธุรกิจ พบว่าภาคการบริการมีค่าดัชนี SMESI สูงสุดอยู่ที่ 55.3 จากการท่องเที่ยวและธุรกิจบริการที่เกี่ยวเนื่องขยายตัว
ที่น่าสนใจคือ ภาคการเกษตร มีค่าดัชนี SMESI เพิ่มขึ้นสูงสุดถึง 3.2 มาอยู่ที่ 53.4 จากการขายได้ราคาที่ดีขึ้นโดยเฉพาะกลุ่มพืชไร่ เช่น ข้าวเปลือกเจ้า ข้าวเปลือกเหนียว และกลุ่มไม้ดอกไม้ประดับ
ส่วนภาคการค้าขยายตัวทั้งการค้าปลีกและค้าส่งโดยเฉพาะภาคเหนือและภาคใต้ที่ได้อานิสงส์จากการท่องเที่ยวที่ขยายตัว และยังทำให้ภาคการผลิตปรับตัวดีขึ้นจากกำลังซื้อและต้นทุนที่มีแนวโน้มดีขึ้นด้วย
ดัชนีความเชื่อมั่นที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง สะท้อนสัญญาณการฟื้นตัวของธุรกิจ SMEs อันเป็นผลสำเร็จจาก มาตรการต่างๆ ของรัฐบาล นอกจากนี้ยังส่งผลให้แนวโน้มดัชนีคาดการณ์ 3 เดือนข้างหน้าปรับตัวเพิ่มขึ้นทุกภูมิภาคจากการคาดการณ์การขยายตัวของนักท่องเที่ยวที่จะเพิ่มมากขึ้น รวมถึงสัญญาณบวกจากแนวโน้มต้นทุนธุรกิจทำให้คลายกังวลต่อค่าครองชีพและกำลังซื้อของผู้บริโภคในอนาคต
สำหรับสถานการณ์เศรษฐกิจ SMEs ในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2565 (เดือนมกราคม-กันยายน) นั้นมีข้อมูลจากนายวีระพงศ์ มาลัย ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) ว่า การสร้างมูลค่าเพิ่มทางเศรษฐกิจ (GDP SMEs) มีมูลค่ารวม 4.54 ล้านล้านบาท ขยายตัวร้อยละ 5.1 คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 35.2 ของ GDP ประเทศ คาดว่าทั้งปีจะขยายตัวเป็น 6.02 ล้านล้านบาท จาก SMEs ในระบบฐานข้อมูลของ สสว. 3.178 ล้านราย คิดเป็นร้อยละ 99.57 ของจำนวนวิสาหกิจรวมทั้งหมด มีการจ้างงานกว่า 12.6 ล้านคน คิดเป็นร้อยละ 71.86 ของการจ้างงานรวมทั้งประเทศ และคาดว่าจะขยายตัวร้อยละ 4.1-5.8 ค่ากลางร้อยละ 4.9 ในปี 2566
...
#เอสเอ็มอี
#ทำเนียบรัฐบาล
ข่าวทั้งหมด