บีบีซีรายงานอ้างกระทรวงกิจการภายในของญี่ปุ่นว่า ดัชนีราคาผู้บริโภค ซึ่งเป็นตัวชี้วัดเงินเฟ้อของญี่ปุ่นอยู่ที่ร้อยละ 3.7 ในเดือนพฤศจิกายน สูงที่สุดนับแต่ปี 2524 ซึ่งเป็นช่วงที่เกิดปัญหาวิกฤตด้านความมั่นคงในตะวันออกกลาง กระทบการผลิตน้ำมันดิบ ทำให้ราคาน้ำมันพุ่งขึ้นทั่วโลก
ที่ผ่านมา ญี่ปุ่นพยายามมาหลายสิบปี เพื่อกระตุ้นเงินเฟ้อให้สูงขึ้น และมาถึงบัดนี้ผู้บริโภคชาวญี่ปุ่น เริ่มรับรู้ผลกระทบจากราคาสินค้าแพงขึ้น ขณะที่ค่าจ้างอยู่เท่าเดิม ไม่มีการปรับขึ้นให้สอดคล้องกับเงินเฟ้อที่สูงขึ้น ด้านธนาคารกลางญี่ปุ่น(BOJ)ใช้นโยบายคงอัตราดอกเบี้ยไว้ต่ำสุด คือ ร้อยละ 0 เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจให้ฟื้นตัว แต่เมื่อต้นสัปดาห์นี้ BOJ สร้างความประหลาดให้กับตลาดด้วยการขยายกรอบผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลอายุ 10 ปี จากเดิมร้อยละ 0.25 เป็นร้อยละ 0.50 มาตรการนี้ส่งผลให้เงินเยนของญี่ปุ่นเทียบดอลลาร์สหรัฐฯ อยู่ที่ 151 เยนต่อดอลลาร์เป็นครั้งแรกนับแต่ปี 2533
การที่เงินเยนอ่อนค่า ส่งผลให้เงินเฟ้อของญี่ปุ่นเพิ่มขึ้น ทำให้ต้นทุนการนำเข้าสินค้าจากต่างแดนเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องนับแต่รัสเซียบุกยูเครน
สำหรับญี่ปุ่น เป็นหนึ่งในประเทศที่มีอัตราเงินเฟ้อต่ำที่สุดในโลก และดำเนินนโยบายการเงินสวนทางกับสมาชิกอื่นๆในกลุ่ม 7 อุตสาหกรรมชั้นนำของโลก(กลุ่มจี7) คือ แคนาดา ฝรั่งเศส เยอรมนี อิตาลี อังกฤษและสหรัฐฯซึ่งธนาคารกลางของกลุ่มจี 7 สวนใหญ่ต่างปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย เพื่อควบคุมเงินเฟ้อ ที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว เช่น เงินเฟ้อของสหรัฐฯในปีนี้ อยู่ที่ร้อยละ 7.1 อังกฤษอยู่ที่ร้อยละ 10.1 ขณะที่เงินเฟ้อของกลุ่มสหภาพยุโรปในปีนี้ เฉลี่ยอยู่ที่ร้อยละ 11.1
#ญี่ปุ่น
#เงินเฟ้อ
ข่าวทั้งหมด