คณะกรรมการสาธารณสุขแห่งชาติจีน แถลงในวันนี้ว่า โรคโควิด-19 กลับมาระบาดระลอกใหม่ในประเทศจีน มีผู้ป่วยใหม่ 2,249 คนทั่วประเทศในรอบ 24 ชั่วโมง ร้อยละ 20 อยู่ในกรุงปักกิ่ง แต่มีผู้ป่วยหนักราว 50 คนที่ยังนอนพักรักษาอาการป่วยในโรงพยาบาลในกรุงปักกิ่ง ส่วนใหญ่เป็นคนไข้ที่มีโรคประจำตัว นักข่าวซีเอ็นเอ็นในกรุงปักกิ่ง รายงานว่า ถนน ร้านค้า ร้านอาหารและห้างสรรพสินค้าต่างๆ รวมถึงห้างชื่อดังแห่งหนึ่งในเขตซานลีถุน กรุงปักกิ่ง อยู่ในสภาพเวิ้งว้าง ไร้คนเดิน ร้านค้าและห้างสรรพสินค้าส่วนใหญ่แทบจะไม่มีลูกค้า และการที่ชาวบ้านเริ่มปลีกตัวเองอยู่ห่างจากคนอื่นๆเริ่มกลายเป็นวิถีการดำเนินชีวิตปกติแบบใหม่ (new normal)ในกรุงปักกิ่ง
ไม่ใช่เพราะมีการประกาศล็อกดาวน์รอบใหม่ แต่เพราะการแพร่ระบาดระลอกใหม่ในกรุงปักกิ่งในระยะนี้ กลายเป็นศูนย์กลางการแพร่ระบาดใหม่ เพียงหนึ่งสัปดาห์หลังรัฐบาลจีนประกาศผ่อนคลายมาตรการควบคุมการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ซึ่งแต่เดิมมีการระบาดขนาดเล็กๆในกรุงปักกิ่ง มีผู้ป่วยใหม่ไม่กี่คน
ร้านค้า หรือร้านอาหารส่วนใหญ่ให้พนักงานตำแหน่งหลักๆปฏิบัติงานตามปกติ หรือ ใช้บริการขายอาหารแบบใส่กล่องขายให้ลูกค้าซื้อไปรับประทานที่บ้านเท่านั้น มีภาพเหตุการณ์ในลักษณะเดียวกันทั่วทั้งกรุงปักกิ่ง ขณะเดียวกัน สำนักงาน ร้านค้าและอาคารพักอาศัยต่างๆส่วนใหญ่มีการปรับลดจำนวนพนักงาน หรือให้มีการสลับเวรการทำงานเป็นกะ หลังมีพนักงานป่วยจากไวรัสโควิด-19 พร้อมอนุญาตให้คนงานทำงานที่บ้าน เพื่อลดการแพร่ระบาด
เจ้าหน้าที่สาธารณสุขของกรุงปักกิ่ง กล่าวว่า โรงพยาบาลหลักๆในกรุงปักกิ่งมีคนไข้ที่ป่วยจากไข้หวัด 19,000 คนไปพบแพทย์ระหว่างวันที่ 5-11 ธันวาคม 2565 พร้อมขอให้เฉพาะผู้ป่วยหนักโทร.สายด่วนขอให้รถกู้ภัยของโรงพยาบาลไปรับตัวมารักษาที่โรงพยาบาล ขณะเดียวกัน ตัวเลขคนไข้ที่ไปพบแพทย์ตามคลินิกเอกชนในกรุงปักกิ่งในวันอาทิตย์ที่ผ่านมามีสัดส่วนสูงกว่าสัปดาห์ก่อน 16 เท่า
นายเจมส์ ซิมเมอร์แมน ทนายความและอดีตประธานหอการค้าอเมริกันในจีน ซึ่งอาศัยอยู่ในกรุงปักกิ่งทวีตข้อความว่า ร้อยละ 90 ของคนงานในสำนักงานของเขาติดไวรัสโควิด-19 เพิ่มจากร้อยละ 50 เมื่อ 2-3 วันก่อน พร้อมอนุญาตให้คนงานทำงานที่บ้าน หากพวกเขามีอาการไม่สบาย
#จีน
#กรุงปักกิ่งเจอการแพร่ระบาดระลอกใหม่
#สถานการณ์โควิด