รัสเซียลดกำลังการผลิตน้ำมัน หลังมาตรการกำหนดราคาของจี7-อียู มีผลวันนี้

          เริ่มมีผลในวันนี้ มาตรการที่กลุ่มประเทศอุตสาหกรรมชั้นนำ 7 แห่ง หรือ “จี 7” ร่วมด้วยออสเตรเลีย และสหภาพยุโรป (อียู) กำหนดเพดานราคาน้ำมันดิบของรัสเซียซึ่งขนส่งทางทะเล ให้อยู่ที่ 60 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล (ราว 2,081.67 บาท)แม้ว่า จี7 และอียู ร่วมด้วยออสเตรเลีย ยังคงอนุญาตให้เรือบรรทุกน้ำมันของกลุ่มประเทศสมาชิก ลำเลียงน้ำมันดิบของรัสเซีย ไปยังจุดหมายปลายทางซึ่งเป็นประเทศที่สาม แต่น้ำมันดิบของรัสเซีย ซึ่งขนส่งทางเรือก่อนวันที่ 5 ธ.ค. และเทียบท่าปลายทางภายในวันที่ 19 ม.ค. 2566 จะได้รับการผ่อนผันจากมาตรการควบคุมราคา

          ประธานาธิบดีโวโลดิเมียร์ เซเลนสกี ผู้นำยูเครน กล่าวว่า มาตรการควบคุมราคาน้ำมันดิบรอบนี้ “ไม่เพียงพอ” และสะท้อนว่า ประชาคมโลกยังคง “อ่อนแอและไม่จริงจัง” ในการดำเนินการเพื่อควบคุมราคาน้ำมันดิบของรัสเซีย

          ขณะที่ นายอเล็กซานเดอร์ โนวัค รองนายกรัฐมนตรีรัสเซีย ซึ่งรับผิดชอบนโยบายพลังงานของรัฐบาลมอสโก กล่าวว่า ยอมรับว่า รัสเซียอาจต้องลดกำลังการผลิต “ลงเล็กน้อย” แต่หน่วยงานที่เกี่ยวข้องกำลังจัดทำกลไก เพื่อตอบโต้มาตรการควบคุมราคาของตะวันตก พร้อมทั้งเตือนว่า ตลาดน้ำมันดิบโลกจะยิ่งไร้เสถียรภาพ และอาจส่งผลให้เกิดการขาดแคลนเชื้อเพลิงในอนาคต

          เช่นเดียวกับ นายดมิทรี เปสคอฟ โฆษกทำเนียบเครมลิน กล่าวว่า รัสเซียมีการเตรียมความพร้อมไว้ล่วงหน้าแล้ว เพื่อลดผลกระทบด้วยการขายน้ำมันไปยังตลาดอื่น ๆ เช่นอินเดียและจีนซึ่งปัจจุบันเป็นผู้ซื้อน้ำมันดิบรายใหญ่ที่สุดของรัสเซีย

          นอกจากนี้รัสเซียเคยประกาศหลายครั้งว่าจะไม่ขายน้ำมันดิบและผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียมให้กับประเทศที่สนับสนุนการกำหนดเพดานราคา ทั้งเตือนว่าจะเป็นการสร้างความเสียหายร้ายแรงต่อตลาดพลังงานและผลักดันราคาสินค้าให้สูงขึ้นไปอีก

          ตั้งแต่เกิดสงครามในยูเครน ประเทศในสหภาพยุโรปพยายามลดการพึ่งพารัสเซีย โดยสหรัฐฯ ยุติการใช้น้ำมันดิบของรัสเซียแล้ว ในขณะที่สหราชอาณาจักรมีแผนที่จะยุติการใช้น้ำมันดิบรัสเซียภายในสิ้นปีนี้

#วิกฤตน้ำมัน

#รัสเซียอียู