ซีเอ็นเอ็น รายงานอ้างสำนักงานสถิติแห่งชาติจีนว่า การส่งออกและการนำเข้าของจีนในเดือนตุลาคมหดตัวมากเกินคาด นับเป็นครั้งแรกที่ทั้งการส่งออกและการนำเข้าอ่อนแอพร้อมๆกันนับตั้งแต่เดือนพฤษภาคม 2563 ขณะที่เงินเฟ้อที่พุ่งขึ้นและอัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้นกระทบอุปสงค์ทั่วโลก นอกจากนี้ มาตรการล็อกดาวน์ควบคุมการแพร่ระบาดระลอกใหม่ของโรคโควิด-19 กระทบทั้งภาคการผลิตและการบริโภค
สำหรับการส่งออกของจีนในเดือนตุลาคม หดตัวร้อยละ 0.3 จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ลดลงมากเมื่อเทียบกับการเติบโตที่ร้อยละ 5.7 ในเดือนกันยายน สวนทางกับตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่คาดว่าการส่งออกของจีนในเดือนตุลาคมจะเติบโตร้อยละ 4.3 อีกทั้งนับเป็นตัวเลขการส่งออกที่แย่ที่สุดนับแต่เดือนพฤษภาคม 2563
ส่วนการนำเข้าในเดือนตุลาคมหดตัวร้อยละ 0.7 จากการเติบโตร้อยละ 0.3 ในเดือนกันยายน นับว่าต่ำที่สุดนับตั้งแต่เดือนสิงหาคม 2563 ส่งผลให้ตัวเลขการได้เปรียบดุลการค้าของจีนในเดือนตุลาคมอยู่ที่ 85,150 ล้านดอลลาร์ เทียบกับการได้เปรียบดุลการค้ารวม 84,740 ล้านดอลลาร์ในเดือนกันยายน
ข้อมูลนี้บ่งชี้ว่า อุปสงค์ในภาพรวมยังคงอ่อนแอ กระทบภาคการผลิตอุตสาหกรรม ทั้งกระทบการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ เป็นผลจากการล็อกดาวน์ที่ยืดเยื้อ ความอ่อนแอของภาคอสังหาริมทรัพย์และความเสี่ยงจากภาวะเศรษฐกิจถดถอยทั่วโลก นอกจากนี้ ผู้ส่งออกของจีนไม่ได้ประโยชน์จากการที่เงินหยวนอ่อนแอ เมื่อเทียบดอลลาร์สหรัฐฯ โดยเฉพาะในฤดูที่ผู้คนจับจ่ายซื้อสินค้ามากในช่วงปลายปี บ่งชี้ว่า ผู้บริโภคและธุรกิจทั่วโลกได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจอ่อนแอ
เรื่องนี้นับเป็นปัญหาเร่งด่วนที่คณะผู้กำหนดนโยบายของจีนจะต้องหาทางแก้ไข เนื่องจากภาคการส่งออกเป็นหนึ่งในเครื่องจักรสำคัญที่จะช่วยผลักดันเศรษฐกิจของประเทศให้ฟื้นตัวอย่างต่อเนื่อง
#จีน
#การส่งออกเดือนตุลาคม