ศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคของสหรัฐฯ หรือซีดีซี รายงานว่า สหรัฐฯ ยังมีผู้เสียชีวิตจากโรคโควิด-19 วันละเกือบ 400 ราย โดยยังไม่มีทีท่าว่าจะลดลง โดยในช่วง 7 วันมานี้ มีผู้เสียชีวิตประมาณ 2,700 รายแต่หากนับตั้งแต่ต้นปี 2565 จะมีผู้เสียชีวิตเกือบ 205,000 รายแล้ว
อย่างไรก็ตาม ซีดีซี ได้ประกาศผ่อนคลายมาตรการควบคุมโควิด-19 โดยในกลุ่มผู้ติดเชื้อที่ยังไม่ได้รับวัคซีนป้องกันโรค ไม่ต้องแยกกักกันโรค แต่ต้องสวมหน้ากากอนามัยเป็นเวลา 10 วันและรับการทดสอบในวันที่ 5 นับจากวันแรกที่พบว่าติดเชื้อ
และให้ยกเลิกคำแนะนำในการทดสอบผู้คนในโรงเรียนที่ไม่มีอาการป่วย แต่ยังคงคำแนะนำให้มีการตรวจคัดกรองในสถานที่ที่มีความเสี่ยงสูง เช่น บ้านพักคนชรา เรือนจำ และสถานสงเคราะห์คนจรจัด
เนื่องจากในขณะนี้บุคคลทั่วไปมีภูมิคุ้มกันจากวัคซีนและการติดเชื้อ ทำให้มีความเสี่ยงลดลงที่จะเจ็บป่วยรุนแรง เข้ารับการรักษาในโรงพยาบาล และเสียชีวิต เมื่อเทียบกับช่วงก่อนหน้าของการระบาดใหญ่
ดร.เกรตา มาเซตติ นักระบาดวิทยาของซีดีซี กล่าวว่า ขณะนี้ไวรัสมีภัยคุกคามต่อสาธารณสุขในระดับต่ำ สหรัฐฯ มีวัคซีนและการรักษาที่เหมาะสม แต่ยังเป็นเรื่องสำคัญที่ทุกคนจะต้องได้รับข้อมูลล่าสุดเกี่ยวกับวัคซีน เพราะการระบาดใหญ่ยังไม่สิ้นสุด การผ่อนคลายมาตรการจะช่วยให้เราก้าวไปสู่จุดที่โควิด-19 ไม่รบกวนชีวิตประจำวันของเราอีกต่อไป
ในขณะที่กระทรวงสาธารณสุขสหรัฐฯ ยังคงย้ำเตือนว่าอาจมีการติดเชื้อครั้งใหญ่ในฤดูใบไม้ร่วงและฤดูหนาว เนื่องจากภูมิคุ้มกันจากวัคซีนลดลง และผู้คนรวมตัวกันในบ้านเพื่อหลีกหนีจากสภาพอากาศที่หนาวเย็น สหรัฐฯ ต้องเผชิญกับโอไมครอนสายพันธุ์ย่อยชนิดใหม่หลายชนิด ซึ่งต่างก็สามารถแพร่เชื้อได้ดีกว่ารุ่นก่อนๆ โดยสายพันธุ์ย่อยที่โดดเด่นในขณะนี้คือโอไมครอน BA.5 ซึ่งทำให้ชาวอเมริกันจำนวนมากกลับมาติดเชื้อซ้ำ คาดว่า BA.5 จะครองสัดส่วนมากกว่าร้อยละ 87 ของผู้ป่วยใหม่ในประเทศ ทั้งยังมีความเป็นไปได้ที่สายพันธุ์ย่อยของโอไมครอน จะลดทอนประสิทธิภาพของวัคซีน ผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพจึงแนะนำให้ชาวอเมริกันเข้ารับวัคซีน นอกจากนี้นายแพทย์ แอนโทนี ฟาวซี ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคติดเชื้อชั้นนำของรัฐบาลสหรัฐฯ เตือนว่า ชาวอเมริกันที่ยังไม่ได้ฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้น อาจเผชิญปัญหาในช่วงฤดูใบไม้ร่วงนี้ เนื่องจากภูมิคุ้มกันจะลดลงเมื่อเวลาผ่านไป
...
#สหรัฐอเมริกา
#โควิด19