นายอดัม คินซิงเกอร์ ส.ส.พรรครีพับลิกันของสหรัฐฯ หนึ่งในคณะกรรมาธิการของสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯที่ทำหน้าที่ตรวจสอบเหตุจลาจลรัฐสภา 6 มกราคม 2564 สรุปผลการไต่สวนว่า วันเกิดเหตุ ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้สมัครประธานาธิบดีจากพรรครีพับลิกัน อยู่ในห้องรับประทานอาหารส่วนตัวในทำเนียบขาว นั่งชมข่าวสารโทรทัศน์ฟ็อกซ์นิวส์กว่า 2 ชั่วโมง 30 นาที ติดตามข่าวกลุ่มผู้สนับสนุนของเขาก่อเหตุจลาจลบุกอาคารสภาคองเกรสเพื่อขัดขวางไม่ให้วุฒิสภาสหรัฐฯรับรองให้คู่แข่งจากพรรคเดโมแครตคือ นายโจ ไบเดน ชนะการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯเมื่อวันที่ 3 พฤศจิกายน 2563
แต่นายทรัมป์เพิกเฉยต่อข้อเสนอแนะจากลูกๆของเขา เช่น น.ส.อิวานกา ทรัมป์ ขณะนั้นดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาอาวุโสประธานาธิบดีสหรัฐฯ และนายโดนัลด์ ทรัมป์ จูเนียร์ ลูกชาย รวมถึงคนใกล้ชิดคนอื่นๆที่ขอให้เขาห้ามปรามกลุ่มผู้ประท้วงไม่ให้บุกเข้าไปก่อเหตุวุ่นวายในอาคารสภาคองเกรส หรือขอให้ผู้ประท้วงออกไปจากอาคารสภา นายทรัมป์ เลือกที่จะนิ่งเฉย ไม่ดำเนินการใดๆ อีกทั้งไม่ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคง เช่น ตำรวจ-ทหาร เข้าไประงับเหตุ เพื่อขัดขวางผู้ประท้วงไม่ให้บุกเข้าไปในห้องประชุมของวุฒิสภา ซึ่งแสดงให้เห็นถึงเหตุจูงใจจากความเห็นแก่ประโยชน์ส่วนตัวคือ การอยู่ในอำนาจต่อไป
การไต่สวนครั้งนี้ คณะกรรมาธิการใช้หลักฐานต่างๆคือ ผลการไต่สวนรวม 8 ครั้งนับแต่เดือนมิถุนายน มาเรียงไทม์ไลน์เกี่ยวกับกิจกรรมต่างๆของนายทรัมป์ เป็นระยะเวลากว่า 187 นาทีในวันที่ 6 มกราคม 2564 ซึ่งเป็นวันที่กลุ่มผู้สนับสนุนของเขาบุกก่อเหตุวุ่นวายในอาคารรัฐสภา โดยคณะกรรมาธิการของสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ ซึ่งพรรคเดโมแครต ครองเสียงข้างมาก ต้องการจะไต่สวนในประเด็นที่ว่า นายทรัมป์ ทำการโดยผิดกฎหมาย เช่น ขัดขวางวุฒิสภาไม่รับรองนายไบเดนเป็นผู้ชนะการเลือกตั้งในเดือนพฤศจิกายน ปีที่แล้ว หรือไม่ หากพบว่า มีมูลความผิด คณะกรรมาธิการฯอาจจะเสนอเรื่องให้ศาลพิจารณาพิพากษาคดี และตัดสิทธิ์ทางการเมืองของนายทรัมป์ต่อไป
ด้านนายทรัมป์ ซึ่งพูดเป็นนัยว่าเขาอาจจะลงสมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีครั้งหน้าในปี 2567 ไม่ยอมรับผลการไต่สวน ทั้งเห็นว่าคณะกรรมาธิการฯ ทำหน้าที่เสมือนศาลเตี้ย มุ่งจะเบี่ยงเบนความสนใจของชาวอเมริกันจากการบริหารประเทศล้มเหลวของรัฐบาลปัจจุบันภายใต้การบริหารของประธานาธิบดีไบเดนจากพรรคเดโมแครต
#สหรัฐฯ
#ผลไต่สวน
#เหตุจลาจลบุกอาคารสภาคองเกรส