ประธานาธิบดีโจ ไบเดนของสหรัฐฯ เปิดเผยกับนักข่าวที่ฐานทัพอากาศจ้อยท์เซนต์แอนดรูว์ รัฐแมรี่แลนด์ หลังกลับจากการประชุมเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศที่รัฐแมสซาชูเซตส์ว่า เขามีแผนจะประชุมผ่านระบบวิดีโอคอนเฟอเรนซ์กับประธานาธิบดีสี จิ้นผิงของจีน ภายในปลายเดือนนี้ หรือ 10 วันข้างหน้า และเป็นการหารือครั้งแรกในรอบ 4 เดือน เนื่องจากทั้งสองประเทศยังมีความตึงเครียดอย่างต่อเนื่องเรื่องปัญหาเกี่ยวกับไต้หวันและเรื่องการค้า
นอกจากนี้ ดูเหมือนนายไบเดน จะพูดเรื่องแผนการเยือนไต้หวันในเดือนหน้าของนางแนนซี เพโลซี ประธานสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ โดยระบุว่า ในมุมมองด้านยุทธศาสตร์ คิดว่าช่วงนี้อาจจะไม่ใช่ระยะเวลาที่เหมาะสม สำหรับการเยือนไต้หวันของนางเพโลซี แต่สำนักงานของนางเพโลซี ยังไม่แสดงความเห็นว่า นางเพโลซี จะเลื่อนแผนการเยือนไต้หวันในเดือนหน้าหรือไม่ ขณะที่จีนคัดค้านเรื่องนี้ว่าเป็นการแทรกแซงกิจการภายในของจีน ซึ่งมองว่าไต้หวันเป็นเพียงมณฑลหนึ่งของจีน และในอนาคตจะต้องกลับมารวมกับจีนแผ่นดินใหญ่
ส่วนเรื่องการค้า รัฐบาลประธานาธิบดีไบเดน อยู่ระหว่างพิจารณาแผนปรับลดภาษีสำหรับการนำเข้าสินค้าจากจีน เพื่อช่วยค่าครองชีพ และเงินเฟ้อ ซึ่งกระทบต่อประชาชนในสหรัฐฯ ก่อนหน้านั้น รัฐบาลชุดที่แล้วของอดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ของสหรัฐฯประกาศขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าจีนมูลค่า 370,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เพื่อตอบโต้การปฏิบัติการทางการค้าที่ไม่เป็นธรรมภายใต้มาตรา 301 ของสหรัฐฯ สร้างความตึงเครียดทางการค้าสหรัฐฯ-จีนเรื่อยมา
ในปัจจุบัน สหรัฐฯถือว่าจีนเป็นคู่แข่งเชิงยุทธศาสตร์สำคัญของสหรัฐฯและมองว่าการติดต่อสัมพันธ์ของเจ้าหน้าที่ระดับสูงระหว่างสหรัฐฯกับจีนมีความสำคัญในการรักษาความสัมพันธ์ซึ่งยุ่งยากซับซ้อนหลายๆเรื่องให้เดินหน้าอย่างมีเสถียรภาพ อีกทั้งช่วยประคับประคองความสัมพันธ์ไม่ให้แย่ลงถึงขนาดต้องใช้กำลังทหารสู้รบกันโดยไม่ตั้งใจมาตั้งแต่แรกด้วย
#สหรัฐฯ
#จีน
#ปัญหาไต้หวันและการค้า